เรียนรู้การสร้างคำคม ให้ออกมาโดนใจ ไม่เหมือนใคร

เรียนรู้การสร้างคำคม ให้ออกมาโดนใจ ไม่เหมือนใคร
เรียนรู้การสร้างคำคม ให้ออกมาโดนใจ ไม่เหมือนใคร

การเรียบเรียงภาษาให้เกิดความสวยงามไพเราะ น่าฟัง มีสัมผัส มีความคล้องจองกันในประโยคหนึ่งนั้น ถือเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับบทสนทนานั้น ๆ คำคมที่ใช่ คำคมโดน ๆ ส่วนใหญ่ที่เราพบเห็นหรือเคยได้ยินกันก็มักที่จะมีสัมผัสในประโยคนั้น ๆ ด้วยเช่นกัน เพราะสัมผัสต่าง ๆ นั้นจะช่วยให้คำคมหรือรูปประโยคต่าง ๆ ติดหูมากยิ่งขึ้น คำคมเหล่านี้เราสามารถที่จะนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลายทั้งการนำไปตั้งเป็นแคปชั่นรูปภาพ การโปรโมทสินค้า การทำโฆษณา การเขียนหนังสือ และอื่น ๆ อีกมากมาย

ในส่วนแรกของการสร้างคำคมให้ออกมาโดนใจคือการนำเรื่องราวที่ใกล้ตัว เข้าถึงง่าย อย่างเรื่องความรัก การงาน การกิน เป็นต้น ด้วยที่ว่าผู้อ่านจะสามารถเข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ผู้เขียนคำคมก็สามารถที่จะเข้าไปแตะความรู้สึกของผู้อ่านได้ง่ายมากขึ้นด้วย

อย่างที่สองที่ขาดไม่ได้ก็คือการสร้างโทนอารมณ์ของเนื้อหานั้น ๆ เช่น ต้องการให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกตลก มีความจี้เส้น รู้สึกมีความสุข ลักษณะของคำที่นำมาใช้ในการสร้างผลงานคำคมก็จะต้องมีความสดใส เป็นคำพูดที่ให้พลังบวก เมื่ออ่านแล้วเกิดความรู้สึกที่ดี คือต้องหลีกเลี่ยงคำต่าง ๆ ที่เป็นคำพูดพลังงานลบ ไม่ควรที่จะให้มีอยู่ในคำคมเลย เพื่อที่ว่าผู้อ่านจะได้รับรู้ถึงเนื้อหาและข้อความนั้น ๆ อย่างเต็มที่ในแนวทางที่เราต้องการ

ส่วนที่สามคือการกำหนดคีย์เวิร์ดหรือคำสำคัญมาจำนวน 1 และ 2 คีย์เวิร์ด เพื่อให้เราสามารถที่จะคิดคำคมต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น เสมือนเป็นการคิดคำเพื่อเติมคำในช่องว่าง โดยที่ให้รูปประโยคนั้น ๆ ออกมาสละสลวย มีความลื่นไหล เป็นไปตามเป้าหมายที่เราต้องการจะสื่อ ซึ่งทว่าหากเราต้องการเติมลูกเล่นให้กับคำคมให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นก็คือการใช้คีย์เวิร์ดที่ติดปากกลุ่มเป้าหมาย ๆ โดยถ้าเรามองว่าจะสร้างคำคมให้ไปใช้กันในกลุ่มวัยรุ่น ก็ควรที่จะเลือกคำที่อยู่ในกระแส เป็นที่สนใจสำหรับช่วงวัยนั้น ๆ ก็จะทำให้มีการนำคำคมต่าง ๆ ไปใช้ในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

จากข้อมูล วิธีการในการสร้างคำคมข้างต้นนั้น เป็นเพียงวิธีการส่วนหนึ่งที่สามารถนำไปใช้ในการสร้างคำคมได้จริง ทั้งผู้เขียนและผู้รับสารสามารถรับรู้ถึงสิ่งที่ต้องการสื่อได้อย่างเต็มที่ แต่อย่างไรก็ตามคำคมบางประโยคนั้นอาจจะฮิตติดปากเพียงแค่ชั่วคราว เนื่องด้วยกระแสความนิยมที่มาเร็วไปเร็ว แต่สำหรับคำคมที่โดนใจผู้อ่านอย่างแท้จริงจะอยู่ไปได้นานเป็นสิบเป็นร้อยปี ด้วยความหมายที่กินใจลึกซึ้ง การวางรูปประโยค และวางสัมผัสที่สวยงามในแบบฉบับของผู้เขียน

คำคมจากหนังภาษาอังกฤษที่ให้กำลังใจ

คำคมจากหนังภาษาอังกฤษที่ให้กำลังใจ
คำคมจากหนังภาษาอังกฤษที่ให้กำลังใจ

บ่อยครั้งที่เราชมหนังภาพยนตร์ต่างประเทศ แล้วมักจะได้คำคมแง่คิดดี ๆ กลับมาเป็นคติเตือนใจและให้กำลังใจแก่ตัวเอง ในบทความนี้ เราจึงนำคำคมภาษาอังกฤษจากหนังมาแปลเป็นภาษาไทย ให้คุณมีกำลังใจมากขึ้น ดังนี้

1.คำคมจากหนังเรื่อง Star Wars
“ไม่มีคำว่าลอง มีแต่ถามว่าทำกับไม่ทำ” เป็นคำกล่าวของโยดา จากหนังเรื่อง Star Wars ที่นอกจากตัวละครในเรื่องจะมีกำลังใจและมุ่งมั่นในการตัดสินใจทำบางอย่างมากขึ้นแล้ว ผู้ชมก็ยังได้รับแนวคิดที่เป็นประโยชน์ คือ การตั้งใจทำบางสิ่งบางอย่างในชีวิตให้เกิดผลขึ้นมาอย่างเต็มที่ 100% ไม่ทำแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ

2.คำคมจากหนังเรื่องไลอ้อนคิง
“เรื่องในอดีตอาจทำร้ายคุณได้ แต่คุณต้องเลือกว่าจะวิ่งหนีอดีตนั้น หรือจะเรียนรู้จากมัน” เป็นคำกล่าวจากตัวลิงผู้รอบรู้คุยกับสิงโตพระเอกของเรื่องที่กำลังรู้สึกเศร้าใจท้อแท้กับเรื่องราวในอดีต ได้เกิดแรงฮึดสู้ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เมื่อได้คิดทบทวนว่าจะยอมแพ้กับความเจ็บปวดที่ผ่านมา หรือจะเรียนรู้และเติบโตอย่างแข็งแกร่งมากขึ้น

3.คำคมจากหนังเรื่อง what a girl wants
“ไม่จำเป็นต้องทำตัวให้กลมกลืนกับคนอื่น ในเมื่อคุณมีความแตกต่าง” เป็นคำคมจากภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้คุณรู้สึกภูมิใจในความเป็นตัวของตัวเองได้มากขึ้น แม้คุณจะไม่เหมือนใคร ก็อาจมีความเก่งเฉพาะตัวในบางเรื่อง แม้ในวันนี้จะยังไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นชื่นชมยอมรับ แต่ขอให้คุณภูมิใจในตัวเองและไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น

4.คำคมจากหนังเรื่อง Spider Man
เป็นคำกล่าวของ Green goblin ที่พูดว่า “เราจะเป็นในสิ่งที่เราเลือก” หมายความว่า เราทุกคนมีโอกาสที่จะเลือกโชคชะตาและอนาคตของตัวเราเองได้เสมอ หลายคนเชื่อเรื่องโชคชะตาดวงดาว หรือเวรกรรมในอดีต แต่เราก็ควรเชื่อมั่นในตัวเองว่า นับจากนี้ไป ถ้าเราเลือกที่จะเป็นคนที่ดีขึ้น หรือต้องการพัฒนาตัวเองไปในทางที่ดีกว่าเดิม เพื่อพบกับอนาคตใหม่ที่ดีกว่า เราจะเป็นผู้ลิขิตชีวิตตัวเราเองได้ นับจากวันนี้เป็นต้นไป

5.คำคมจากหนังเรื่อง Empire Records
ในเรื่องนี้ตัวละครกล่าวว่า “เขาไม่รู้สึกเสียเวลาหรือเสียดายกับสิ่งที่ทำลงไป แต่เขาจะเสียใจมากกว่าหากไม่ได้ทำมัน” คำคมนี้บอกให้เรากล้าที่จะตัดสินใจทำบางสิ่งบางอย่าง และกล้าที่จะยอมรับผล ไม่ว่าจะดีหรือร้ายจากมัน ดีกว่ากล้า ๆ กลัว ๆ แล้วในที่สุดก็ไม่ได้ทำในสิ่งนั้น ๆ

การชมภาพยนตร์ นอกจากให้ความบันเทิงแล้ว ยังได้แง่คิดดี ๆ จากคำพูดของตัวละครได้ หากนำมาปรับใช้ในชีวิตและทัศนคติต่าง ๆ อาจช่วยให้ชีวิตของคุณเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้

ขงจื้อกับพระอาทิตย์ คำคมสอนใจคนดื้อรั้น

ขงจื้อกับพระอาทิตย์ คำคมสอนใจคนดื้อรั้น
ขงจื้อกับพระอาทิตย์ คำคมสอนใจคนดื้อรั้น

ปัจจุบัน สังคมของคนเราเข้าสู่ยุคดิจิตอลและสื่อออนไลน์ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลความรู้ต่าง ๆ ได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าใครก็สามารถค้นหาสิ่งที่ตัวเองต้องการรู้ได้จากอินเทอร์เน็ต แต่ถึงอย่างนั้น สังคมของเราก็ยังเต็มไปด้วยคนที่มักเอาความคิดและมุมมองของตัวเองเป็นใหญ่ โดยไม่ยอมเปิดรับความคิดหรือมุมมองที่แตกต่างของคนอื่น หรือแม้แต่จะค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมด้วยตัวเองก็ไม่ทำ จนทำให้การทำงานร่วมกับคนอื่นเกิดปัญหา

ดังนั้น วันนี้เราจึงมีนิทานสอนใจเรื่อง “ขงจื้อกับพระอาทิตย์” ซึ่งมีคำคมดี ๆ มาฝาก เป็นข้อคิดสอนใจคนดื้อรั้นที่ไม่ฟังคนอื่น

เมื่อครั้งประเทศจีนยังคงแบ่งออกเป็นแคว้นเล็กแคว้นน้อยเมื่อกว่า 2,500 ปีก่อน “ขงจื้อ” นักปราชญ์ถูกยกย่องว่ามีความรู้และมีชื่อเสียงอย่างมากในยุคนนั้นได้ออกเดินทางท่องเที่ยวสอนหนังสือไปตามแคว้นต่าง ๆ จนวันหนึ่งรถม้าของขงจื้อได้วิ่งผ่านถนนที่มีเด็ก 2 คนกำลังโต้เถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ขงจื้อจึงเดินลงจากรถแล้วถามเด็กน้อยทั้งสองคนว่า “พวกเจ้ากำลังโต้เถียงเรื่องอะไรกัน?”

เด็กน้อยคนหนึ่งจึงตอบว่า “ท่านลุง ท่านคือใคร ท่านเป็นผู้ใหญ่ จะต้องมีความรู้มากกว่าเด็กอย่างพวกเราแน่ ๆ เช่นนั้นขอเชิญให้ท่านช่วยตัดสินให้พวกเราด้วย”

ขงจื้อจึงตอบว่า “ข้าคือขงจื้อจากแคว้นหลู่ เชิญพวกเจ้า บอกปัญหามาเถิด”

เด็กสองคนได้ยินว่ากำลังสนทนาอยู่กับปราชญ์ใหญ่ก็ดีใจมากพร้อมกับกล่าวว่า “ที่แท้ท่านคือ ขงจื้อ เช่นนั้นท่านต้องตัดสินปัญหาให้เราได้แน่นอน เพราะใคร ๆ ก็บอกว่าท่านนั้นฉลาดที่สุดในโลก”

หลังจากนั้น เด็กทั้งสองคนจึงเล่าต้นสายปลายเหตุว่า ทั้งสองกำลังโต้เถียงกันเรื่องพระอาทิตย์ว่าระหว่างตอนเช้ากับตอนเที่ยง เวลาไหนพระอาทิตย์อยู่ใกล้แผ่นดินมากกว่ากัน เด็กคนแรกสันนิษฐานว่า ตอนเช้าพระอาทิตย์อยู่ใกล้แผ่นดินมากกว่า เพราะพระอาทิตย์ยามเช้านั้นดวงใหญ่พอ ๆ กับล้อรถ แต่พอตอนกลางวันกลับหดเล็กลงเหลือขนาดเท่าชามข้าว ส่วนเด็กอีกคนสันนิษฐานว่า ตอนเช้าพระอาทิตย์ไม่ร้อน แต่พอตอนกลางวันกลับแผ่ความร้อนจนคนเหงื่อท่วม แปลว่า ตอนเช้าพระอาทิตย์อยู่ห่างแผ่นดิน ตอนกลางวันพระอาทิตย์อยู่ใกล้แผ่นดินต่างหาก

ขงจื้อได้ฟังความเห็นของเด็กทั้งสองแล้วก็เกิดความลำบากที่จะให้คำตอบ จึงนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบว่า “ข้าไม่อาจตัดสินได้ว่าความเห็นข้อไหนถูก เพราะข้าก็ยังไม่มีความรู้เรื่องนี้มาก่อน”

เด็กสองคนได้ฟังคำตอบก็ต่างกล่าวว่า “แม้แต่ท่านขงจื้อผู้ยิ่งใหญ่ยังจนปัญญา แล้วเด็กอย่างพวกเราจะมีความรู้สักเท่าไหร่กันเชียว แต่กลับยืนกรานหัวชนฝาว่าความคิดของตัวเองถูกอยู่ฝ่ายเดียว ช่างโง่เขลาเสียจริง ๆ ”

นับตั้งแต่นั้น วลีว่า “ขงจื้อกับพระอาทิตย์” ได้กลายเป็นคำคมสอนใจของชาวจีนมาตลอด 2 พันกว่าปี โดยใช้เปรียบเปรยกับเหล่าคนดื้อด้าน ใจคอคับแคบ ไม่ยอมรับฟังความเห็นหรือมุมมองที่แตกต่างจากคนอื่น เปรียบเหมือนเด็กน้อยทั้งสองคนที่มีความรู้เพียงแค่น้อยนิด แต่กลับเชื่อมั่นในความเห็นของตัวเอง เถียงกันจนหน้าดำคร่ำเครียด ขณะที่ขงจื้อแม้ได้ชื่อว่าเป็นปราชญ์ใหญ่ แต่กลับยินดีรับฟังความเห็นของเด็กทั้งสอง และไม่ตัดสินว่าความคิดของใครถูกหรือผิด เพราะตัวเองไม่มีความรู้ในเรื่องนี้เช่นกัน

ดังนั้น เราทุกคนควรเปิดใจให้กว้าง พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา โดยเฉพาะในยุคที่การค้นหาความรู้ทำได้ง่ายดายแค่ปลายนิ้ว ก็ยิ่งต้องเปิดใจรับความคิดใหม่ ๆ อยู่เสมอ ไม่ใช่มีแต่ความคิดคับแคบเหมือนกบในกะลานั่นเอง

ประโยชน์ของคำคมสร้างแรงบันดาลใจและความสำเร็จได้อย่างไร

ประโยชน์ของคำคมสร้างแรงบันดาลใจและความสำเร็จได้อย่างไร
ประโยชน์ของคำคมสร้างแรงบันดาลใจและความสำเร็จได้อย่างไร

คำพูดจากคนดังสร้างแรงบันดาลใจกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และมุมมองใหม่ ๆ กล้าเริ่มต้นทำสิ่งใหม่อย่างที่มาร์ติน ลูเธอร์คิง จูเนียร์ เคยกล่าวไว้ว่า “ถ้าคุณบินไม่ได้ก็วิ่ง ถ้าวิ่งไม่ได้ก็เดิน ถ้าคุณเดินไม่ได้ก็คลาน แต่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องก้าวต่อไป” สามารถปลุกกำลังใจกลายเป็นแรงผลักดันให้ก้าวไปข้างหน้า มาดูกันว่าคำพูดสร้างแรงบันดาลใจมีประโยชน์อย่างไร

1.คำคมมักจะเป็นคำพูดสั้น ๆ จดจำง่ายช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และมองเห็นมุมมองใหม่ที่แตกต่างหรือสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกที่ดีกว่า คำพูดและคำสอนจากคนฉลาดแตกต่างจากคำพูดธรรมดา เมื่อนำไปใช้ในชีวิตย่อมมีประโยชน์เสมอ ขงจื้อกล่าวไว้ว่า “ควรศึกษาอดีต หากต้องการสร้างอนาคต” หมายถึงการศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์เป็นบทเรียนสำคัญที่จะสร้างอนาคตให้ดี

2.คำคมโดยทั่วไปเป็นคำแนะนำตักเตือนให้คนเราทำเรื่องดี คิดสิ่งดี ๆ มีความมุ่งมั่น จิตใจดีมีเมตตาจนเป็นนิสัย คำพูดที่ปลุกใจให้ทำสิ่งที่ดีและมีความเมตตาช่วยเหลือผู้อื่นทำให้เรามองเห็นคุณค่าของตัวเอง ดังเช่นถ้อยคำของวิลเลี่ยม เชคสเปียร์ กวีและนักเขียนบทละครชาวอังกฤษ กล่าวว่า “ความเมตตากรุณาเป็นเกียรติที่แท้จริงของขุนนาง” หมายถึงผู้นำควรปกครองด้วยจิตใจที่มีเมตตา

3.คำคมช่วยให้ปัญหาและอุปสรรคมากมายที่พบเจอในชีวิตคลี่คลายไปในทางที่ดี ไม่ว่าเมื่อใดก็ตาม หากติดขัดกับอุปสรรคใด ๆ ถ้าได้อ่านคำคมแล้วมักจะช่วยกระตุ้นให้พยายามและทำตามเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย เช่น “ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ จนกว่าจะทำได้สำเร็จ” เป็นหนึ่งในวลีสร้างแรงบันดาลใจที่มีชื่อเสียงและคนจดจำได้มากที่สุดของ เนลสัน แมนเดลา (Nelson Mandela) อดีตประธานาธิบดีประเทศแอฟริกาใต้

4.บางครั้งการสื่อสารให้คนอื่นเข้าใจประเด็นสำคัญเป็นเรื่องยาก เลือกใช้คำคมสั้น ๆ ถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ในใจได้เหมาะสมและเข้าใจง่ายด้วย คำพูดง่าย ๆ เช่น “คุณเก่งขึ้นได้เสมอ” ของไทเกอร์ วู้ดส์ (Tiger Woods) นักกอล์ฟมือหนึ่งของโลก เป็นคำสั้น ๆ ที่มีใจความกว้าง สามารถใช้ได้ทุกกรณี เตือนให้ระลึกไว้เสมอว่า คนเราสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองให้ดีขึ้นได้ตลอดเวลา

5.คำพูดบางคำอาจมีความหมายลึกซึ้งกว่าที่คิด หลังจากที่อ่านแล้วลองค้นหาความหมายที่แตกต่างออกไป พยายามทำความเข้าใจความหมายที่แท้จริงจะช่วยให้เห็นความจริงที่อาจมองข้ามไป เช่น คำพูดของไมเคิล จอร์แดน (Michael Jordan) นักกีฬายอดเยี่ยมที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก กล่าวไว้ว่า “ผมล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดชีวิต นั่นคือเหตุผลที่ผมประสบความสำเร็จ“ หมายถึงความพยายามทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ดีขึ้นตลอดเวลา ความพ่ายแพ้จึงไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป

6.หากสนใจคำพูดดี ๆ แนะนำให้เลือกคำคมโดนใจจดบันทึกไว้ในมือถือหรือในสถานที่ที่เห็นได้ชัดเจนเพื่อให้อ่านซ้ำได้ง่าย สามารถหยิบยกมาใช้ได้ตลอดเวลา เช่น คำพูดของจอห์น อาร์ วู้ดเดน (John R. Wooden) ที่ว่า ”อย่าปล่อยให้สิ่งที่ทำไม่ได้มาเป็นอุปสรรครบกวนสิ่งที่ทำได้” และ “สิ่งที่ดีที่สุดเกิดขึ้นกับคนที่ลงมือทำให้ดีที่สุด” เป็นวลีที่กระตุ้นให้พยายามทำทุกอย่างดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

การทำสิ่งที่ปรารถนาให้ดีที่สุดไม่ว่าจะเป็นการเรียน การทำงาน หรือแม้แต่การออมเงิน อาจเป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับใครหลายคน ดังนั้น ต้องมองหาคำคมสร้างแรงบันดาลใจช่วยกระตุ้นให้ทำสำเร็จ “เริ่มต้นวันนี้ ลงมือทำทันที”

คำคม “วางแผนในกระโจมชนะไกลพันลี้” อ่านสามก๊กแล้วมองชีวิตจริง

คำคม “วางแผนในกระโจมชนะไกลพันลี้” อ่านสามก๊กแล้วมองชีวิตจริง
คำคม “วางแผนในกระโจมชนะไกลพันลี้” อ่านสามก๊กแล้วมองชีวิตจริง

เชื่อว่าหลายคนต้องเคยได้ยินคำคมจากสำนวนจีนที่ว่า “วางแผนในกระโจมชนะไกลพันลี้” ผ่านหูผ่านตามาไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะใครที่ชอบดูหนังจีนหรือซีรีส์จีนแนวย้อนยุคก็น่าจะต้องได้ยินจนชินเลยก็ว่าได้ แต่รู้หรือไม่รู้ว่าสำนวนดังกล่าวมีที่มาอย่างไร และสามารถประยุกต์ใช้กับการดำเนินชีวิตในปัจจุบันได้อย่างไร ในเมื่อสมัยนี้เขาไม่ได้รบกันด้วยดาบหรือธนูอีกต่อไปแล้ว ซึ่งวันนี้เราจะมาหาคำตอบกัน

ก่อนจะไปมองชีวิตในยุคปัจจุบัน เราลองมาดูที่มาของสำนวนนี้กันหน่อย โดยสำนวนนี้มีที่มาจาก “สามก๊ก” ตอนที่ “เล่าปี่” ออกแสวงหากุนซือที่จะมาช่วยวางแผนคิดกลศึกเพื่อต่อกรกับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง “โจโฉ” จนไปได้ตัว “ขงเบ้ง” กุนซือผู้หยั่งรู้ดินฟ้ามหาสมุทรที่เรา ๆ ท่าน ๆ คุ้นหูกันดีมาร่วมงานด้วย แต่ด้วยความที่ขงเบ้งยังหนุ่มแน่นอายุแค่ 27-28 ปี เท่านั้น ก็เลยทำให้น้องรักของเล่าปี่อย่าง “กวนอู” กับ “เตียวหุย” ไม่เชื่อมือเท่าไหร่ แถมยังคอยกวนโอ้ย ไม่ให้ความเคารพขงเบ้งอีกต่างหาก จนกระทั่งโจโฉส่งกองทัพมาตีเล่าปี่ ก็ได้ขงเบ้งคอยวางแผนคิดกลศึกจนช่วยให้เล่าปี่เอาชนะกองทัพโจโฉได้โดยที่ตัวขงเบ้งยังนั่งกระดิกเท้าชิล ๆ อยู่ในกระโจม ไม่ได้ออกรบเองเลยแม้แต่น้อย ทำให้กวนอูกับเตียวหุยยอมซูฮกขงเบ้งด้วยใจจริงนับตั้งแต่นั้น จนแม้แต่เล่าปี่ยังยกย่องกุนซือหนุ่มไฟแรงผู้นี้ว่า “วางแผนในกระโจมชนะไกลพันลี้” นั่นเอง

ดังนั้น คำคมหรือสำนวนนี้จึงเปรียบถึงคนที่มีความรู้ความสามารถที่คอยทำหน้าที่อยู่เบื้องหลัง คอยวางแผน คิดนโยบาย เพื่อให้ลูกน้องหรือคนที่มีหน้าที่ลุยภาคสนามรับไปปฏิบัติอีกทีหนึ่ง ดูเผิน ๆ แล้วบางคนคิดว่าเป็นงานที่สบาย นั่งอยู่ห้องแอร์รอเข้าประชุม แถมยังมีหน้ามีตาในสังคมอีกด้วย แต่ความจริงแล้ว คนที่จะรับหน้าที่นี้ได้ต้องมีความรู้ความสามารถในงานนั้น ๆ อย่างท่องแท้ สามารถนำทฤษฎีที่ร่ำเรียนมาเพื่อพลิกแพลงใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม มีความละเอียดรอบคอบในการสั่งงานลูกน้องหรือเพื่อนร่วมงาน และต้องมีความรับผิดชอบสูงไม่ต่างจากคนที่ทำงานด้านปฏิบัติ เพราะเป็นผู้แบกรับความเสี่ยงแทบทั้งหมด หากเกิดความผิดพลาดหรือไม่เป็นไปตามแผนก็มักจะต้องรับผิดไปคนเดียวเต็ม ๆ

ฉะนั้น หากคุณรู้ตัวว่าคุณเป็นคนมีคุณสมบัติเหล่านี้แล้วล่ะก็ ขอให้ดูขงเบ้งเป็นตัวอย่าง สมัยที่ยังไม่ได้มารับราชการกับเล่าปี่ เขาก็ไม่ได้นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่บ้านไปวัน ๆ แต่หมั่นศึกษาหาความรู้ ขัดเกลาทักษะด้านต่าง ๆ ของตัวเองจนเชี่ยวชาญ เมื่อได้มารับราชการกับเล่าปี่ จึงสามารถใช้วิชาการความรู้ที่ร่ำเรียนมาช่วยให้องค์กรของเจ้านายประสบความสำเร็จจนถูกยกย่องว่าเป็นผู้ “วางแผนในกระโจมชนะไกลพันลี้” นั่นเอง

รวมเพจคำคมความรักมาแรง น่าติดตาม ปี 2020

รวมเพจคำคมความรักมาแรง น่าติดตาม ปี 2020
รวมเพจคำคมความรักมาแรง น่าติดตาม ปี 2020

Facebook เป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่คนไทยนิยมใช้กันมาก โดยจากการสำรวจพบว่าคนไทยมีบัญชี Facebook ที่เข้าถึงได้กว่า 47 ล้านคน โดยสัดส่วนการใช้งานเท่า ๆ กันระหว่างชายหญิง และส่วนใหญ่เกือบทั้งหมด เป็นการล็อกอินผ่านช่องทางมือถือ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ Facebook ได้กลายเป็นช่องทางการสื่อสารที่ทรงพลังที่สุดในปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ทำให้หลายคนหันมาสร้างเพจเพื่อสื่อสารกับผู้คนมากขึ้น โดยเฉพาะเพจให้กำลังใจด้านความรักที่ขยันคิดขยันโพสต์คำคมเอาใจทั้งคนอินเลิฟและคนที่กำลังมีปัญหาเรื่องความรักกันเกือบทุกวัน แต่ใน ปี 2020 เพจคำคมความรักเพจไหนกำลังมาแรงและน่าติดตามบ้างนั้น วันนี้เรามีคำตอบมาฝาก

1.Club Friday Fanpage
ถ้าพูดถึงที่ปรึกษาด้านความรักอันดับหนึ่งของประเทศ เชื่อว่าทุกคนต้องนึกถึงพี่อ้อยพี่ฉอด ดีเจชื่อดังจากรายกาย Club Friday จากคลื่น Green Wave 106.5 ที่คอยอยู่เคียงข้างให้คำปรึกษากับคนมีปัญหาด้านความรักผ่านช่องทางวิทยุมายาวนานกว่า 15 ปี เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ขณะนี้เพจ Club Friday Fanpage จะมีผู้ติดตามจำนวนมากกว่า 1.6 ล้านคน โดยโพสต์ส่วนใหญ่จะเน้นที่ข้อคิดเรื่องความรักสั้น ๆ จาก 2 ดีเจ และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับรายการ Club Friday

2.cuttO
หากคุณเป็นคนที่ชอบเพลงไทยสไตล์ฟังสบายต้องรู้จักคัตโตะ วงลิปตา นักร้องหนุ่มมากความสามารถที่ไม่ได้มีดีแค่ร้องเพลงเล่นดนตรีได้เท่านั้น แต่ยังเป็นพิธีกรในช่อง YouTube ที่ทำร่วมกับเพื่อนสนิท และเจ้าของเพจ cuttO ที่ขณะนี้มีผู้ติดตามกว่า 2,515,401 คนอีกด้วย สำหรับโพสต์ส่วนใหญ่ของเพจจะอยู่ในรูปแบบของประโยคสั้น ๆ แต่บาดลึกเข้าไปในใจของคนอ่อนไหวง่าย นอกจากนั้นยังเป็นช่องทางที่หนุ่มคัตโตะใช้ช่องทางนี้สื่อสารกับแฟนคลับ ความเคลื่อนไหว และเผยแพร่ผลงานของตัวเองด้วย

3.Youngsoad – ยังโสด
ปิดท้ายกันด้วยเพจ Youngsoad – ยังโสด ที่แค่ได้ยินชื่อแล้วสาวโสดหนุ่มโสดก็รู้สึกเหมือนได้เจอเพื่อน จนตอนนี้มีลูกเพจติดตามสูงถึง 1.7 ล้านคน ทั้ง ๆ เจ้าของเพจไม่ได้เป็นเซเลปคนดัง แต่เพราะคำคมความรักแนวฮาและคอนเทนต์ที่สามารถแชร์ในโลกโซเซียลได้อีกด้วย อย่าง ‘ไม่ได้โปรโมท แต่ยังโสดอยู่ในโหมด อยากมีแฟน’ หรือ ‘จะบอกว่ายังโสดจริง ๆ อันนี้ยอมรับ ลอยกระทงยังว่างนะงับ สนใจรับไปเป็นแฟนมั้ย’ อีกทั้งยังมีกิจกรรมร่วมสนุกให้เล่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ทำนายดวงตามราศี คำถามคนโสด หรือแชร์ไอเดียสำหรับคนโสด ทำให้ลูกเพจทั้งที่ยังโสดและไม่โสด รู้สึกสนุกกับชีวิตมากขึ้น

เป็นอย่างไรบ้างสำหรับ 3 เพจคำคมความรักมาแรง น่าติดตาม ปี 2020 ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ สำหรับใครที่กำลังมีปัญหาเรื่องความรักก็อย่าลืมไปกดติดตาม กดไลค์โพสต์จากทั้ง 3 เพจ ไม่แน่ว่าคุณอาจได้วิธีแก้ปัญหาและมุมมองใหม่ ๆ ก็ได้

คำคมจากหนัง ให้คุณได้แง่คิดด้านใดบ้าง

คำคมจากหนัง ให้คุณได้แง่คิดด้านใดบ้าง
คำคมจากหนัง ให้คุณได้แง่คิดด้านใดบ้าง

หากสังเกตให้ดี จะพบว่าการดูหนังภาพยนตร์มักมีคำคมให้แง่คิดซ่อนอยู่ ซึ่งสามารถนำมาใช้กับชีวิตประจำวันได้หลากหลายรูปแบบ เรามาดูตัวอย่างคำคมที่ดีและนำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันในด้านต่าง ๆ ได้

1.ด้านความรัก
คำคมจากหนังเรื่อง Kissing a Fool กล่าวถึงความรักว่า ถ้าความรักมันไม่มีอยู่จริง เราก็จะไม่มีทางค้นพบได้ แต่ถ้าความรักนั้นมีอยู่ มันก็ไม่สามารถถูกปิดบังซ่อนเร้นได้ จึงเป็นสิ่งที่เตือนใจผู้คนไม่ให้ไขว่คว้าหาความรักมากจนเกินไป ต้องมีสติกับการรักให้เป็น เพราะหากเราไขว่คว้าในสิ่งที่มันไม่มีอยู่จากใครสักคน แม้จะพยายามเท่าใดมันก็ไม่สำเร็จ แต่ถ้ามีความรักความจริงใจต่อกันแล้ว แม้จะปิดบังอย่างไรหรือเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ความรักก็จะยังคงอยู่เสมอ

2.ด้านการทำงาน
จากหนังเรื่องสตาร์วอร์ มีการกล่าวถึงว่า คุณต้องเลือกระหว่างทำกับไม่ทำสิ่งใด ๆ ไม่ควรมีคำว่าทดลอง นั่นคือ การสอนให้ทุกคนตั้งใจที่จะทำสิ่งใดอย่างเต็มที่ร้อยเปอร์เซนต์ เพื่อให้มีโอกาสสำเร็จมากที่สุด ไม่ใช่การทำแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ หรือกล้า ๆ กลัว ๆ แบบพร้อมจะถอยหลัง ซึ่งจะทำให้ขาดการขวนขวายหาความรู้และสูญเสียความมุ่งมั่นในการทำสิ่งต่าง ๆ ไปนั่นเอง

3.ด้านเสริมคุณค่าในตัวเอง
คนในยุคปัจจุบันมีภาวะโรคเครียดและโรคซึมเศร้าได้ง่าย เพราะรู้สึกขาดศรัทธาและความเชื่อมั่นในตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อมีการเปรียบเทียบตัวเองกับคนในข่าวหรือสื่อโซเชียล ประเด็นนี้จะตรงกับสิ่งที่หนังเรื่องการ์ตูนเรื่องเชร็คได้สอดแทรกว่า คุณไม่จำเป็นต้องฟังเสียงของคนอื่น เพราะมันอาจบั่นทอนกำลังใจของคุณ หรือทำให้คุณสงสัยว่าสิ่งที่คุณทำอยู่บนเส้นทางที่ดีหรือเหมาะสมหรือไม่ ความสุขและความศรัทธาในตัวเองจะเป็นสิ่งที่ให้คำตอบแก่คุณได้ดีที่สุด

4.ด้านความหวังและกำลังใจ
ในปี 2020 ที่มีไวรัสโควิดระบาดกระทบกับภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก ผู้คนนับล้าน ๆ ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานในบริษัทเอกชนและทำธุรกิจส่วนตัว หากอ่านคำคมจากหนังเรื่อง forrest gump จะช่วยให้คุณมีพลังขึ้นมาอีกครั้งได้ แม้เขาจะมีระดับสติปัญญาน้อยกว่าเกณฑ์เฉลี่ย แต่ด้วยความตั้งใจและจริงใจ จึงทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิต ดังนั้น หากคุณไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค สักวันหนึ่งคุณก็จะถึงเป้าหมายที่ตั้งใจไว้และฝ่าฟันทุกวิกฤตได้นั่นเอง

คำคมจากหนังมีความหมายและสามารถนำมาใช้กับชีวิตประจำวันได้ ซึ่งการตีความก็อาจจะแตกต่างกันไปตามอายุและประสบการณ์ของแต่ละคน แต่ก็ล้วนทำให้ได้แง่คิดที่มีประโยชน์ การดูหนังจึงไม่ใช่สิ่งที่ให้ความบันเทิงเพียงอย่างเดียว แต่ช่วยให้ขบคิดเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตได้ดียิ่งขึ้น

คำคมภาษาอังกฤษสำหรับนักธุรกิจในช่วงสถานการณ์โควิด-19

คำคมภาษาอังกฤษสำหรับนักธุรกิจในช่วงสถานการณ์โควิด-19
คำคมภาษาอังกฤษสำหรับนักธุรกิจในช่วงสถานการณ์โควิด-19

ช่วงสถานการณ์โควิด-19 ธุรกิจจะมีการเข้าถึงลูกค้าในแบบที่เป็นการทำงานเชิงรุกมากยิ่งขึ้น และต้องอยู่บนมาตรฐานความปลอดภัยเพื่อห่างไกลเชื้อไวรัสและสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าด้วย ในสถานการณ์เช่นนี้ กำลังใจจึงเป็นสิ่งสำคัญ ด้วยเหตุนี้ เราจึงมีคำคมภาษาอังกฤษพร้อมแปลความหมายจะได้เป็นแรงบันดาลใจสำหรับนักธุรกิจไม่มากก็น้อย ดังต่อไปนี้

1.There’s sunshine behind that rain.

คำคมนี้แปลว่า ภายหลังที่ฝนตกยังมีแสงอาทิตย์ส่องแสง สื่อความหมายถึงอย่าเพิ่งสิ้นความหวังในปัจจุบัน เพราะเมื่อสถานการณ์ผ่านพ้นไปก็จะมีสิ่งดี ๆ รออยู่เสมอ เหมือนกับสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ในขณะนี้ ที่ธุรกิจหลายภาคส่วนต่างได้รับผลกระทบ แต่ถ้ารับมือและแก้ปัญหาได้ เมื่อเวลาผ่านไปสถานการณ์จะค่อย ๆ ดีขึ้นเอง และจะเป็นโอกาสที่ทำให้ธุรกิจกลับมาแข็งแกร่งได้ยิ่งกว่าเดิม

2.There’s good times behind that pain.

คำคมนี้แปลว่า มีเวลาที่ดีภายหลังจากการเจ็บปวด บ่งบอกว่า วิกฤติโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทำให้นักธุรกิจต่างได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย เช่น ธุรกิจโรงแรม สายการบิน เนื่องจากลูกค้าที่เป็นเป้าหมายเดิมไม่สามารถจะใช้บริการได้ในขณะนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ก็สามารถปรับกลุ่มเป้าหมายใหม่ ด้วยการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ เช่น ถ้าเป็นธุรกิจโรงแรมก็ต้องปรับเปลี่ยนแผนมาต้อนรับลูกค้าคนไทย หรือนโยบายการตลาดจากห้องพักรายเดือน ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นรายวัน หรือมีการเพิ่มโปรโมชั่นลดราคา แถมมื้ออาหารฟรี เป็นต้น การปรับตัวเมื่อเกิดผลกระทบนี้จะเป็นเหมือนภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ทำให้หลังจากผ่านวิกฤติไปได้แล้ว ก็มีโอกาสสร้างธุรกิจได้ดีกว่าเดิม เช่น มองเห็นลู่ทางทำการตลาด รวมถึงวิธีป้องกันความเสี่ยง หรือมีแผนสำรองเพื่อรับมือวิกฤตการณ์ได้ดีกว่าเดิม

3.Pray and I can see a better day.

คำคมนี้แปลว่า ภาวนาและสามารถมองเห็นวันที่ดีกว่าเดิม ภาวนาในที่นี้หมายถึงการคิดบวกและมีความเชื่อมั่น ลองคิดดูว่าถ้าผู้ประกอบการจิตตก ท้อแท้ เหตุการณ์คงยิ่งเลวร้ายลงไปอีก แต่ถ้าเชื่อมั่นในพลังของตัวเอง ของลูกน้องหรือของทีม แล้วทุกคนมาตั้งความหวังและฟันฝ่าวิกฤติไปด้วยกัน ก็ต้องมีวันที่ดีกว่าเดิมแน่นอน ดังนั้นจะต้องช่วยกันกระตุ้นให้เกิดความหวังและพลังใจ คิดในสิ่งที่ดี มองโลกในแง่บวก แล้วจะผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้แน่นอน

3 คำคมดังกล่าวข้างต้น เราหวังว่านักธุรกิจ ผู้ประกอบการ และคนทำงานทุกคน จะได้มีแรงบันดาลใจในการปรับเปลี่ยนขั้นตอนในการเข้าถึงลูกค้าเพื่อให้ลูกค้าเชื่อใจและมองเห็นความปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ ลูกค้าค่อนข้างกลัวและขาดความเชื่อมั่น ดังนั้น การร่วมด้วยช่วยกันในภาวะวิกฤติด้วยการคิดใหม่และทำใหม่ นึกถึงส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว เช่น ธุรกิจสายการบินอนุญาตให้คืนตั๋ว ธุรกิจโรงแรมมีการขยายเวลาการเข้าพัก ธุรกิจการจัดอีเว้นท์ต้องเลื่อนการจัดงานออกไปเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการรวมตัวกัน ป้องกันความเสี่ยงต่อการระบาดเชื้อไวรัส อีกทั้งมองหาหนทางหารายได้ด้วยวิธีอื่น ๆ เพิ่มเติมหรือทดแทน ก็จะสามารถประคองกันให้พ้นสถานการณ์นี้ไปได้

คำคมจากภาพยนตร์ชื่อดัง มาพร้อมแนวคิด

คำคมจากภาพยนตร์ชื่อดัง มาพร้อมแนวคิด

การดูภาพยนตร์เกือบทุกเรื่องจะมีแง่คิดคำคมแทรกอยู่เสมอ ซึ่งนอกจากเป็นสัญลักษณ์ประจำหนังแต่ละเรื่องแล้ว ยังทำให้ผู้ชมได้รับวิธีการคิดและทัศนคติใหม่ ๆ ด้วย ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างเรียนรู้ประโยชน์จากคำคมเหล่านั้นได้

การ์ตูน เดอะ ไลอ้อนคิง

เป็นคำคมที่ลิงผู้รอบรู้ในเรื่องแนะนำแก่พระเอกที่เป็นสิงโตว่า อดีตอาจทำให้เราเจ็บปวดเสียใจได้ แต่เราเลือกได้ว่าจะใช้มันเพื่อเป็นบทเรียน หรือจะปล่อยให้สร้างความเจ็บปวดต่อไป ประโยคนี้ทำให้เราทุกคนได้เรียนรู้ว่า เราต่างมีเรื่องราวในชีวิตที่แตกต่างกัน อาจมีสิ่งที่เราทำผิดพลาด ที่ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอดีตได้ แต่ต้องนำมันมาเป็นบทเรียน ทำให้เราเรียนรู้ที่จะเติบโตจากมัน จะได้ไม่ผิดพลาดซ้ำเดิม ขณะเดียวกัน ต้องรู้จักให้อภัยและยอมรับในความผิดพลาดของผู้อื่น เพื่อให้เราทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และก้าวเดินหน้าไปด้วยกันได้

Star Wars Episode 5

เป็นคำกล่าวของตัวละครสำคัญที่พูดถึง การเลือกกระทำ ว่าไม่มีคำว่าลอง มีแค่คำว่าทำกับไม่ทำเท่านั้น ประโยคนี้จึงทำให้คิดได้ว่า เราต่างมีความตั้งใจหรือความฝันที่อยากทำ แต่ที่ไม่สามารถทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้ได้ อาจเป็นเพราะกลัวล้มเหลวหรือขี้เกียจ จนกลายเป็นการไม่ทำ หรือทำแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ จึงไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ในทางที่ต้องการได้ ดังนั้น คนเราทุกคนจึงต้องมีความพยายามที่จะทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อไปถึงเป้าหมายให้จงได้

หนังเรื่อง Freedom writers

คำคมนี้กล่าวถึงการต่อสู้แข่งขันว่า ในภาวะสงคราม เราต้องมุ่งมั่นที่จะชนะในวันนี้ เราไม่สามารถรอจนถึงวันหลังได้ เพราะอาจไม่มีคำว่าชนะอยู่จริง การที่เราหลายคนผัดวันประกันพรุ่งด้วยความเกียจคร้านหรือท้อแท้กลางคัน จึงไม่สามารถทำงานอย่างต่อเนื่องจนบรรลุถึงเป้าหมายที่วางไว้ได้ ซึ่งเท่ากับเราต้องแพ้ต่อใจตัวเองและแพ้ต่อคู่ต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การทำงาน หรือการทำธุรกิจ เราจึงต้องมีความมุ่งมั่นฟันฝ่าอุปสรรคและต้องไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาตัวเอง เพราะในการแข่งขันทุกอย่างนั้น “ชัยชนะ” ไม่มีทางที่จะได้จากความบังเอิญ แต่ล้วนต้องมาจากความพยายามและมุ่งมั่นเท่านั้น

ในการดูภาพยนตร์แต่ละเรื่อง เราต่างได้รับประโยชน์จากแง่คิดและคำพูดดี ๆ จากตัวละครในหนัง ขอเพียงนำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวัน และมีความมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ตามที่เราตั้งใจไว้ เหมือนดังเหล่านักเตะชื่อดังจากสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลิเวอร์พูล ทีมอื่นๆ ย่อมต้องมีแนวคิดบวกเพื่อส่งตัวเองมุ่งสู่จุดสูงสุดของกีฬาฟุตบอล จะทำให้คำคมนั้นมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น และทำให้ได้รับประโยชน์จากการชมภาพยนตร์มากขึ้นอย่างแน่นอน

ตัวอย่างเหตุการณ์จากคำคมที่เปลี่ยนชีวิตผู้คนได้จริง

ตัวอย่างเหตุการณ์จากคำคมที่เปลี่ยนชีวิตผู้คนได้จริง
ตัวอย่างเหตุการณ์จากคำคมที่เปลี่ยนชีวิตผู้คนได้จริง

บทความนี้เราขอเล่าเรื่องราวของจอห์นนี่ ซึ่งเป็นเรื่องแปลจากต่างประเทศ เพื่อยืนยันว่าการเขียนคำคมดี ๆ ส่งผลให้เปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนได้จริง เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามอ่านพร้อมกันเลย

จอห์นนี่ หรือ Johnny the baggerเป็นเด็กหนุ่มอเมริกัน อายุ 19 ปี ซึ่งเขามีโรคประจำตัว คือ เป็นดาวน์ซินโดรมตั้งแต่เกิด ทำให้มีพัฒนาการที่ช้ากว่าคนในวัยเดียวกัน ความสามารถในการรับรู้ คิด และทำมีจำกัด โดยอาชีพของเขานั้น ในแต่ละวันจะทำงานเป็นพนักงานใส่ของลงถุง และยื่นให้ลูกค้าที่มาซื้อของในห้าง ซึ่งในสายตาคนทั่วไป ถือว่าเป็นงานที่ง่ายและไม่ต้องใช้ความสามารถใด ๆ เลย และดูเป็นงานที่น่าเบื่อมาก ๆ ด้วย

แต่แล้วในวันหนึ่ง ชีวิตของจอห์นนี่ก็ได้เปลี่ยนไป เมื่อเขาได้ไปฟังการบรรยายของนักพูดหญิงที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง คือ Barbara Glance ที่ได้รับเชิญมาพูดในบริษัทที่เขาทำงานอยู่ จอห์นนี่ตั้งใจฟังอย่างมาก เขาคิดถึงสิ่งที่นักพูดสร้างแรงบันดาลใจกล่าวถึง ว่าจะสร้างคุณค่าของการทำงานในแต่ละวันให้เพิ่มความประทับใจแก่ลูกค้าได้อย่างไร การฟังการบรรยายครั้งนั้น ทำให้จอห์นนี่ได้จุดประกายความคิดแก่ตัวเอง ทั้งที่เขาเป็นดาวน์ซินโดรม แต่เขากลับได้แรงบันดาลใจที่ดีจากการพูดของเธอ และทำให้เขาตัดสินใจที่จะเขียนคำคมประจำวันในแบบฉบับของตัวเอง เพื่อใส่ในถุงบรรจุของ ขณะยื่นให้กับลูกค้าแต่ละราย โดยจอห์นนี่ได้คิดคำคม พิมพ์ลงคอมพิวเตอร์ สั่งพิมพ์ ตัดเป็นคำคมชิ้นเล็ก ๆ เซ็นชื่อให้แก่ลูกค้าแต่ละราย และไม่ลืมกล่าวคำขอบคุณลูกค้าที่มาใช้บริการ

สิ่งที่จอห์นนี่ทำทุกวันดังกล่าว สร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าอย่างยิ่ง หลังจากนั้น ไม่มีลูกค้าคนใดที่จะไม่อยากได้กระดาษคำคมจากจอห์นนี่เลย ทุกคนต่างยืนต่อคิวอย่างเรียบร้อย เพื่อรอรับกำลังใจดี ๆ จากจอห์นนี่ และนั่นก็ทำให้จอห์นนี่ก็มีกำลังใจที่จะสร้างสรรค์สิ่งที่ดี ๆ ต่อไปด้วย ทั้งนี้ เหตุการณ์นี้ไม่ได้เพียงสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการร้านค้าเท่านั้น ยังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้แก่พนักงานคนอื่น ๆ ในการใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการให้บริการลูกค้ามากขึ้น มีการนำดอกไม้ที่ก้านดอกหักแล้ว มาติดเข็มกลัดเพื่อมอบให้แก่ลูกค้า สร้างรอยยิ้มและความประทับใจ แทนที่จะนำดอกไม้เหล่านั้นเททิ้งลงถังขยะไปเสียเฉย ๆ

เราหวังว่า บทความนี้จะทำให้ทุกท่านที่อ่านรู้สึกดีกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้คนด้วยคำคม สิ่งเล็ก ๆ ที่เราทำด้วยเจตนาดี ก็สามารถเป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่งใหญ่ได้มากกว่าที่เราคิด