รู้จักคำคมประจำตัว “บิลล์ เกตส์” มหาเศรษฐีเบอร์ 1 ของโลกผู้ให้กำเนิด Microsoft

รู้จักคำคมประจำตัว “บิลล์ เกตส์” มหาเศรษฐีเบอร์ 1 ของโลกผู้ให้กำเนิด Microsoft

เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินชื่อ “บิลล์ เกตส์” (Bill Gates) อภิมหาเศรษฐีเบอร์ต้น ๆ ของโลก ผู้ให้กำเนิดบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง “ไมโครซอฟต์” (Microsoft) กันอย่างแน่นอน นอกจากเขาจะได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะคอมพิวเตอร์และนักธุรกิจผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลแล้ว เขายังได้ชื่อว่าเป็นหนอนหนังสือตัวยงที่อ่านหนังสือปีละไม่ต่ำกว่า 50 เล่ม ทำให้เขามีคำคมหรือคติประจำใจที่เป็นที่รู้จักแพร่หลายอยู่หลายประโยค หนึ่งในนั้นก็คือประโยคที่ว่า “มันย่อมดีอยู่แล้วที่จะฉลองกับความสำเร็จ แต่อย่าหลงลืมสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือ การให้ความสำคัญกับการเรียนรู้บทเรียนแห่งความล้มเหลว” วันนี้เราจะมาอธิบายขยายความคำคมอันโด่งดังนี้กัน

จุดเริ่มต้นของ “อัจฉริยะ” ที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า

หลายคนมักจะเคยได้ยินแค่ว่า  “บิลล์ เกตส์” เป็นอัจฉริยะคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่เด็ก เกิดในครอบครัวที่พ่อแม่ค่อนข้างมีฐานะ ทำให้เขามีโอกาสฉายแววความอัจฉริยะให้โลกเห็นตั้งแต่ยังไม่จบมัธยมปลายเลยด้วยซ้ำ เขาเรียนไปด้วยพร้อมกับรับจ็อบทำงานให้กับบริษัทคอมพิวเตอร์แห่งหนึ่ง กระทั่งเขาได้รู้จักกับรุ่นพี่ชื่อ “พอล อัลเลน” (Paul Allen) ทั้งคู่คุยกันถูกคอเพราะมีความฝันอยากเปลี่ยนโลกเหมือนกันทำให้สนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว ต่อมา บิลล์ เกตส์ ในวัยเพียง 17 ปี ร่วมกับ พอล อัลเลน วัย 19 ปี ก่อตั้งสตาร์ทอัพเล็ก ๆ ที่ชื่อ Traf-O-Data ซึ่งเป็นระบบเก็บข้อมูลการจราจรบนท้องถนน โดยทั้งคู่เชื่อว่ามันจะประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก แต่สุดท้ายโมเดลธุรกิจของพวกเขาก็ล้มไม่เป็นท่า ขาดทุนยับกว่า 3,000 ดอลลาร์ หรือราว ๆ 1 แสนบาท เรียกว่าความล้มเหลวครั้งนั้นถือเป็นครั้งแรกในโลกการทำธุรกิจของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้กำเนิดไมโครซอฟต์เลยก็ว่าได้ 

เรียนรู้จากความล้มเหลวเพื่อประสบความสำเร็จ 

หลังธุรกิจล้มเหลว บิลล์ เกตส์ กลับมาเรียนจนจบชั้นมัธยมปลาย ก่อนจะสอบเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) แต่เรียนไปได้เพียง 2 ปี เขาก็ตัดสินใจลาออกมาทำตามความฝันที่อยากเปลี่ยนโลกของตัวเองอีกครั้ง แต่คราวนี้เขากับเพื่อนร่วมอุดมการณ์อย่าง พอล อัลเลน ไม่ได้เป็นแค่เด็กหนุ่มเลือดร้อนไร้ประสบการณ์อีกต่อไป ทั้งคู่ร่วมกันก่อตั้งบริษัท ไมโครซอฟต์ โดยมีออฟฟิศแห่งแรกเป็น “โรงจอดรถ” ของบ้าน บิลล์ เกตส์ พวกเขานำเอาความล้มเหลวและข้อผิดพลาดตอน Traf-O-Data มาเป็นบทเรียน ค่อย ๆ ปลุกปั้น ไมโครซอฟต์ ให้กลายเป็นบริษัทไอทียักษ์ใหญ่แถวหน้าของโลกได้อย่างทุกวันนี้ 

อย่าหลงระเริงอยู่กับความสำเร็จจนลืมความล้มเหลว คำคมประจำใจของ บิลล์ เกตส์ ที่ว่า “มันย่อมดีอยู่แล้วที่จะฉลองกับความสำเร็จ แต่อย่าหลงลืมสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือ การให้ความสำคัญกับการเรียนรู้บทเรียนแห่งความล้มเหลว” แสดงให้เห็นมุมมองที่ตัวเขามีต่อความสำเร็จ แม้เขาจะสร้าง ไมโครซอฟต์ จนกลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่เขาก็ไม่เคยลืมความล้มเหลวในอดีต แถมยังใช้มันเป็นบทเรียนอันล้ำค่าเพื่อหลีกเลี่ยงความล้มเหลวในอนาคตอีกด้วย

สร้างพลังบวกและแรงผลักดันในการใช้ชีวิต

สร้างพลังบวกและแรงผลักดันในการใช้ชีวิต

     ชีวิตคนเรามีปัญหากันทุกคน มากบ้าง น้อยมาก ก็สุดแล้วแต่ละคนจะพบเจอ บางคนมีความฉลาดทางอารมณ์รู้จักวิธีการแก้ปัญหาโดยใช้สติปัญญา แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่ได้เป็นแบบนั้น วิธีที่จะสร้างการมีความคิดในเชิงบวกมีหลายวิธี เช่น อ่านคำคมในการสร้างพลังใจพลังบวกต่าง ๆ หรือนั่งสมาธิทบทวนในใจตัวเองเพื่อหาวิธีแก้ปัญหานั้น ๆ ต่อไป

เทคนิคการเสริมสร้างพลังบวกเพื่อใช้ในการดำเนินชีวิต

ต่อไปนี้จะเป็นวิธีการที่จะช่วยให้เราคิดบวก มีพลัง มีสติปัญญาในการใช้ชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น

มองดูคนที่ลำบากกว่าคุณ

วิธีนี้จะทำให้ใจเรากลับมาคิดบวกได้อีกครั้ง ยังมีคนอีกมากมายที่พบเจอปัญหาแบบเรา หรือบางคนนั้นอาจมากยิ่งกว่าเราด้วยซ้ำเขาก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ ดังนั้นให้พิจารณาปัญหาของเราแล้วเทียบกับของคนที่มีปัญหาที่หนักกว่า บางทีเรื่องที่เราคิดว่ามันหนักหนาสาหัสสำหรับเราอาจดูเล็กน้อยไปเสียด้วยซ้ำ

มีสติอยู่เสมอ

คำว่าสติหมายถึง ความรู้สึกตัว หรือคิดระลึกได้ การที่เราฝึกตัวเองให้มีสตินั้นเป็นสิ่งที่ดีมาก เช่น ในขณะที่จิตเรากำลังคิดลบ คิดในสิ่งที่เลวร้าย คิดสิ่งที่แย่ ๆ จิตใจเราก็จะจมดิ่งไปยังก้นเหวลึกยากที่จะปีนขึ้นมาได้ หากว่าเราฝึกให้มีสติอยู่บ่อย ๆ เมื่อปัญหาเข้ามาเราคิดวางแผนที่จะจัดการกับมันทีละขั้นตอน ฝึกแบบนี้บ่อย ๆ ใจเราจะแกร่งขึ้นและจัดการกับชีวิตของเราได้ดีขึ้น

ยอมรับความจริงบ้าง

ในกรณีที่ปัญหามันเกิดจากตัวเราเอง เราก็ต้องฝึกยอมรับความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้น ในสิ่งที่เราได้ทำลงไป บางคนนั้นจมปลักกับอดีต โทษคนรอบข้าง โทษสิ่งรอบตัวโดยที่ไม่เคยโทษตัวเองเลย ดังนั้นให้ลองมองมาที่ตัวเราก่อน ปัญหามันเกิดจากตัวเราหรือไม่ ถ้าเกิดจากตัวเราก็ค่อย ๆ แก้ไขไปโดยใช้หลักสติปัญญา

อ่านหนังสือ หรือคำคมต่าง ๆ

การอ่านหนังสือเป็นการฝึกสมอง ฝึกสมาธิให้เราได้คิดตามในเรื่องที่เราได้อ่าน อาจเป็นหนังสือเกี่ยวกับคนที่ประสบความสำเร็จในสาขาอาชีพต่าง ๆ หรือว่าหนังสือคำคมปลุกพลังบวกในการใช้ชีวิต ถ้าเราอ่านเกี่ยวกับคนที่ประสบความสำเร็จก็ให้อ่านแล้วคิดตามว่าเขามีวิธีการคิดอย่างไร มีวิธีการใช้ชีวิตอย่างไรจึงทำให้เขาเหล่านั้นเข้มแข็ง และก้าวผ่านปัญหาต่างๆมาได้ แต่ถ้าหากว่าคุณอ่านคำคม มันก็จะเป็นข้อความ หรือคำที่แฝงไปด้วยข้อคิดต่าง ๆ เช่น ทุกปัญหามีทางแก้ มันไม่ใช่สิ่งที่แย่เสมอไป, คิดบวกไว้เสมอ คุณจะพบเจอกับความสำเร็จ เราสามารถนำคำคมต่าง ๆ เหล่านี้มาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตของเราได้

ทุกปัญหามันต้องมีทางแก้ไข จงใช้สติ และค่อย ๆ หาทางแก้ไข หากเหนื่อยก็พักก่อน พอหายเหนื่อยแล้วก็สู้กับมันใหม่ หากทำแบบนี้ได้ใจคุณจะเข้มแข็ง และมีแรงสู้กับทุกสิ่งที่เข้ามาในชีวิตของคุณ

คำคมสอนใจ ไว้เตือนตน 2565

คำคมสอนใจ ไว้เตือนตน 2565

เคยไหมครับ ที่เวลาท้อแท้ สิ้นหวังหรือเวลาเจอเรื่องร้าย ๆ เข้ามาในชีวิต แล้วได้ยิน คำคม หรือ คำสอนเตือนสติทำให้ฉุกคิดและสามารถลุกขึ้นสู้เพื่อก้าวข้ามวิกฤตหรือปัญหาที่เผชิญนั้นได้ วันนี้ได้รวบรวม คำคม เตือนใจ พร้อมข้อคิดสอนใจเพื่อให้ทุกคนสามารถนำไปใช้และยึดเป็นแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาและฟันฝ่าอุปสรรคที่กำลังเผชิญอยู่ได้

รวมคำคม สอนชีวิต

  1. การเริ่มต้นของชีวิต มิใช่ดูกันที่อายุ แต่อยู่ที่ว่าใครคิดได้ก่อนต่างหาก
  2. บางครั้งการแบกอะไรมาก ๆ แล้วมันทำให้หนัก ไม่สามารถไปต่อได้ ลองปล่อยบางอย่างที่ไม่จำเป็นดูแล้วจะรู้ว่าไปต่อได้หรือเปล่า
  3. ความฝันไม่เคยทำร้ายใคร แต่ถ้าไม่ลงมือทำ ฝันไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา
  4. คำว่าหักหลัง มักจะมาจากมิตรเสมอ
  5. ทุกวิกฤต ย่อมมีโอกาสเสมอ แค่หามันให้เจอ
  6. จงทำในสิ่งที่คิด(ดี) คิดในสิ่งที่ทำ(ดี)
  7. ความไม่แน่นอน คือความแน่นอน
  8. เมื่อไม่สามารถไปถึงเป้าหมายได้ อย่าเปลี่ยนเป้าหมาย แต่จงเปลี่ยนวิธีการ
  9. บางครั้งการถอยออกมาคนละก้าว อาจได้เห็นอะไรมากกว่า
  10. ทุกคนย่อมมีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน แต่รู้หรือไม่ว่าคนที่ไม่ยอมเสี่ยงอะไรเลย ย่อมมีความเสี่ยงมากที่สุด
  11. นกที่ตื่นเช้าย่อมจับหนอนกินได้ก่อนใคร แต่รู้บ้างไหม 7-11 เปิด 24 ชั่วโมง
  12. ไม่มีฝันใดยิ่งใหญ่เกินไป และไม่มีใครต่ำต้อยเกินกว่าที่จะฝัน
  13. อยู่กับตนเองระวังความคิด อยู่กับมิตรระวังคำพูด
  14. รวม คำคม สอนความรัก
  15. พี่ไม่ใช่คนเจ้าชู้ ไว้น้องหน้าตาดี แล้วจะเข้าใจ
  16. อย่าเสียเวลาพิสูจน์ตัวเองกับคนไม่เห็นค่า
  17. อย่าจมอยู่กับความทุกข์ เพราะความสุขยังรอให้ค้นหา
  18. คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต บางคนเป็นของขวัญ บางคนเป็นบทเรียน
  19. อย่าใส่ใจกับคำคน จนลืมตัวตนของเรา
  20. สายน้ำไม่เคยไหลย้อนกลับ เวลาก็ย้อนอดีตไม่ได้
  21. จงทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวาน
  22. กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับเธอ
  23. ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่ถ้าเธอรู้ตูตายแน่
  24. หากคุณเพียงพอในความรัก มักจะพบความรักที่ดี แต่ถ้ารักแล้วไม่พอสักที ความรักดี ๆ จะมีได้ไง
  25. ความรักก็เหมือนเกมกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย
  26. ไม่ได้เจ้าชู้ แต่ไม่รู้จะเลือกใคร ทิ้ง line ทิ้งเบอร์ไว้ ถ้าถูกใจเดี๋ยวทักกลับ
  27. สุราคือยาพิษ เติมน้ำแข็งและโซดา สักนิด เพื่อลดพิษสุรา
  28. เวลาไม่ได้ทำให้ใครเสียคน แต่คบใครบางคนต่างหากที่ทำให้เสียเวลา
  29. ความรักไม่เคยทำร้ายใคร มีแต่ใจใครบางคนทำร้ายเรา

คำคมชีวิตแม้หลายคนอาจมองว่าเป็นเพียงคำคมสนุก ๆ แต่เชื่อหรือไม่ว่าหากพิจารณาและวิเคราะห์ให้ดี มักจะมีแง่คิดดี ๆ แอบแฝงอยู่ สามารถนำไปเป็นแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิตได้

40 คำคมเท่ๆ ฮาๆ ภาษาอังกฤษพร้อมคำแปล

1. Be heroes of your own stories.

: จงเป็นฮีโร่ในเรื่องเล่าของตัวเอง

2. It’s never too late to start again.

: ไม่มีคำว่าสายสำหรับการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

3. To love it is no reason why love.

: ความรักมันไม่มีเหตุผลหรอกว่าทำไมถึงรัก

4. Do whatever makes you happiest.

: จงเลือกทำสิ่งที่จะทำให้คุณมีความสุขมากที่สุด

5. You only fail when you stop trying.

: คุณจะล้มเหลว ก็ต่อเมื่อเลิกล้มความพยายาม

6. Smile a little more, regret a little less.

: ยิ้มให้มากขึ้นอีกนิด เสียใจให้น้อยลงอีกหน่อย

7. We are all the bad in someone’s story.

: ทุกคนต่างก็เป็นตัวร้ายในเรื่องราวของใครบางคนทั้งนั้น

8. Do not give up just because it got hard.

: อย่ายอมพ่ายแพ้ เพิ่งเพราะเผชิญกับความยาก

9. Learn to be alone. Not everyone will stay.

: เรียนรู้ที่จะอยู่คนเดียว ไม่ใช่ทุกคนที่จะอยู่เสมอไป

10. I need a six-month holiday, twice a year.

: ฉันต้องการวันหยุดพักผ่อนสัก 6 เดือน ปีละแค่ 2 ครั้งก็พอ

11. Success is a collection of problems solved.

: ความสำเร็จ คือ การเก็บสะสมปัญหาที่ได้รับแก้ไขแล้ว

12. You can’t live a full life on an empty stomach.

: คุณไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ในขณะที่ท้องว่างได้หรอก

13. You won’t find anyone who loves you that I do.

: คุณจะไม่เจอใครที่รักคุณอย่างที่ฉันรักได้อีกแล้ว

14. Don’t give up on your dreams. Keep sleeping.

: อย่าเพิ่งยอมแพ้ให้กับความฝัน จงนอนหลับต่อไป

15. Follow your heart, but take your brain with you.

: จงทำตามหัวใจของตัวเอง แต่ก็อย่าลืมพกสมองไปด้วย

16. When nothing is certain, everything is possible.

: ในเมื่อไม่มีอะไรแน่นอน ทุกอย่างก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

17. People say I act like I don’t care. It’s not an act.

: มีคนหาว่าฉันแสร้งทำตัวเหมือนไม่สนใจอะไรเลย แต่จริงๆ แล้วฉันไม่ได้เสแสร้งนะ

18. Still believe that there’s no sign for the last time.

: ยังเชื่อในคำว่าครั้งสุดท้ายไม่มีสัญญาณเตือน

19. I don’t know where I’m going, but I’m on my way.

: ฉันก็ไม่รู้ว่ากำลังมุ่งหน้าไปที่ไหน แต่อย่างน้อยก็อยู่บนเส้นทางของตัวเอง

20. One day you will thank yourself for not giving up.

: วันหนึ่งคุณจะต้องขอบคุณตัวเอง ที่เป็นคนไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

21. The greatest gift you can give someone is a smile.

: ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่เราสามารถมอบให้คนอื่นได้คือ รอยยิ้ม

22. I am not lazy, I am just on my energy saving mode.

: ฉันไม่ได้ขี้เกียจ ฉันแค่อยู่ในโหมดประหยัดพลังงาน

23. Friends buy you lunch. Best friends eat your lunch.

: เพื่อนทั่วไปจะซื้ออาหารมื้อเที่ยงเลี้ยงคุณ แต่เพื่อนสนิทจะเป็นคนกินอาหารมื้อนั้นของคุณ

24. You don’t have to like me; I’m not a Facebook status.

: คุณไม่ต้องถูกใจ (Like) ฉันก็ได้ เพราะฉันไม่ใช่สเตตัสบนเฟซบุ๊ก

25. Having the dream is easy, making it come true is hard.

: การมีความฝันเป็นเรื่องง่าย การทำให้ความฝันเป็นจริงเป็นเรื่องยาก

26. The best way to look younger, hang out with older people.

: วิธีที่จะทำให้ดูเด็กลง คือต้องออกไปเที่ยวกับผู้สูงอายุ

27. Everyone has a chance to love But not everyone will fulfill.

: ทุกคนมีโอกาสรัก​ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสมหวัง

28. They say good things take time that’s why I’m always late.

: กว่าจะเจออะไรดีๆ ก็ต้องใช้เวลา นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงมาสายเสมอ

29. It’s okay if you don’t like me. Not everyone has good taste.

: ก็ไม่เป็นไรนะ ถ้าคุณไม่ชอบฉัน เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะมีรสนิยมดี

30. Some beautiful paths can’t be discovered without getting lost.

: เส้นทางที่สวยงามคงไม่ถูกค้นพบ หากเราไม่เคยลองหลงทาง

31. Just saw the smartest person when I was in front of the mirror.

: เพิ่งได้เห็นคนฉลาดดูดี ก็ตอนที่ฉันมายืนส่องกระจกนี่แหละ

32. I wish I could read your mind to know what you really think of me.

: ฉันอยากที่จะอ่านใจเธอได้เพราะฉันอยากจะรู้ ว่าเธอคิดยังไงกับฉัน

33. I don’t care what people think of me. Mosquitos find me attractive. 

: ฉันไม่สนใจว่าคนอื่นๆ จะคิดกับฉันยังไง เพราะฉันดึงดูดพวกยุงเสมอ

34. You are never too old to set another goal or to dream a new dream.

: คุณไม่เคยแก่เกินไป สำหรับการตั้งเป้าหมายชีวิต หรือเริ่มต้นความฝันใหม่

35. Don’t worry if plan A fails. There are 25 more letters in the alphabet.

: อย่ากังวลไปเลย หากแผน A ล้มเหลว เพราะยังมีแผนอื่นๆ อีก 25 ตัวอักษร

36. You never know what you have until you have cleaned your house.

: คุณไม่มีทางรู้เลยว่าตัวเองมีอะไรบ้าง จะรู้ก็ต่อเมื่อได้ทำความสะอาดบ้านนั่นแหละ

37. I’m just a girl, standing in front of a salad, asking it to be a cupcake.

: ฉันก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ยืนอยู่หน้าจานสลัด และอ้อนวอนขอกินคัพเค้กแทนผัก

38. He used to be happy and smile for us every day, but now he is not here.

: เขาเคยเป็นความสุขและรอยยิ้มให้เราในทุก ๆ วัน แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว

39. I never said that I was good. I’m just not bad with people who are good to me.

: เราไม่เคยบอกว่าเราดี เราแค่ไม่เหี้ยใส่คนที่ดีกับเรา

40. retrospective football results it’s like love triangle movie with both hopeful and disappointed

: ผลบอลย้อนหลังก็เปรียบเหมือนหนังรักสามเศร้า ที่มีทั้งสมหวังและไม่สมหวัง

คำคมภาษาอังกฤษ ที่ยกมาทั้ง 40 บทความนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น หากคำคมไหนโดนใจก็สามารถนำไปปรับใช้กันได้เลย ไม่หวงกัน

ขงจื้อกับพระอาทิตย์ คำคมสอนใจคนดื้อรั้น

ขงจื้อกับพระอาทิตย์ คำคมสอนใจคนดื้อรั้น
ขงจื้อกับพระอาทิตย์ คำคมสอนใจคนดื้อรั้น

ปัจจุบัน สังคมของคนเราเข้าสู่ยุคดิจิตอลและสื่อออนไลน์ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลความรู้ต่าง ๆ ได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าใครก็สามารถค้นหาสิ่งที่ตัวเองต้องการรู้ได้จากอินเทอร์เน็ต แต่ถึงอย่างนั้น สังคมของเราก็ยังเต็มไปด้วยคนที่มักเอาความคิดและมุมมองของตัวเองเป็นใหญ่ โดยไม่ยอมเปิดรับความคิดหรือมุมมองที่แตกต่างของคนอื่น หรือแม้แต่จะค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมด้วยตัวเองก็ไม่ทำ จนทำให้การทำงานร่วมกับคนอื่นเกิดปัญหา

ดังนั้น วันนี้เราจึงมีนิทานสอนใจเรื่อง “ขงจื้อกับพระอาทิตย์” ซึ่งมีคำคมดี ๆ มาฝาก เป็นข้อคิดสอนใจคนดื้อรั้นที่ไม่ฟังคนอื่น

เมื่อครั้งประเทศจีนยังคงแบ่งออกเป็นแคว้นเล็กแคว้นน้อยเมื่อกว่า 2,500 ปีก่อน “ขงจื้อ” นักปราชญ์ถูกยกย่องว่ามีความรู้และมีชื่อเสียงอย่างมากในยุคนนั้นได้ออกเดินทางท่องเที่ยวสอนหนังสือไปตามแคว้นต่าง ๆ จนวันหนึ่งรถม้าของขงจื้อได้วิ่งผ่านถนนที่มีเด็ก 2 คนกำลังโต้เถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ขงจื้อจึงเดินลงจากรถแล้วถามเด็กน้อยทั้งสองคนว่า “พวกเจ้ากำลังโต้เถียงเรื่องอะไรกัน?”

เด็กน้อยคนหนึ่งจึงตอบว่า “ท่านลุง ท่านคือใคร ท่านเป็นผู้ใหญ่ จะต้องมีความรู้มากกว่าเด็กอย่างพวกเราแน่ ๆ เช่นนั้นขอเชิญให้ท่านช่วยตัดสินให้พวกเราด้วย”

ขงจื้อจึงตอบว่า “ข้าคือขงจื้อจากแคว้นหลู่ เชิญพวกเจ้า บอกปัญหามาเถิด”

เด็กสองคนได้ยินว่ากำลังสนทนาอยู่กับปราชญ์ใหญ่ก็ดีใจมากพร้อมกับกล่าวว่า “ที่แท้ท่านคือ ขงจื้อ เช่นนั้นท่านต้องตัดสินปัญหาให้เราได้แน่นอน เพราะใคร ๆ ก็บอกว่าท่านนั้นฉลาดที่สุดในโลก”

หลังจากนั้น เด็กทั้งสองคนจึงเล่าต้นสายปลายเหตุว่า ทั้งสองกำลังโต้เถียงกันเรื่องพระอาทิตย์ว่าระหว่างตอนเช้ากับตอนเที่ยง เวลาไหนพระอาทิตย์อยู่ใกล้แผ่นดินมากกว่ากัน เด็กคนแรกสันนิษฐานว่า ตอนเช้าพระอาทิตย์อยู่ใกล้แผ่นดินมากกว่า เพราะพระอาทิตย์ยามเช้านั้นดวงใหญ่พอ ๆ กับล้อรถ แต่พอตอนกลางวันกลับหดเล็กลงเหลือขนาดเท่าชามข้าว ส่วนเด็กอีกคนสันนิษฐานว่า ตอนเช้าพระอาทิตย์ไม่ร้อน แต่พอตอนกลางวันกลับแผ่ความร้อนจนคนเหงื่อท่วม แปลว่า ตอนเช้าพระอาทิตย์อยู่ห่างแผ่นดิน ตอนกลางวันพระอาทิตย์อยู่ใกล้แผ่นดินต่างหาก

ขงจื้อได้ฟังความเห็นของเด็กทั้งสองแล้วก็เกิดความลำบากที่จะให้คำตอบ จึงนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบว่า “ข้าไม่อาจตัดสินได้ว่าความเห็นข้อไหนถูก เพราะข้าก็ยังไม่มีความรู้เรื่องนี้มาก่อน”

เด็กสองคนได้ฟังคำตอบก็ต่างกล่าวว่า “แม้แต่ท่านขงจื้อผู้ยิ่งใหญ่ยังจนปัญญา แล้วเด็กอย่างพวกเราจะมีความรู้สักเท่าไหร่กันเชียว แต่กลับยืนกรานหัวชนฝาว่าความคิดของตัวเองถูกอยู่ฝ่ายเดียว ช่างโง่เขลาเสียจริง ๆ ”

นับตั้งแต่นั้น วลีว่า “ขงจื้อกับพระอาทิตย์” ได้กลายเป็นคำคมสอนใจของชาวจีนมาตลอด 2 พันกว่าปี โดยใช้เปรียบเปรยกับเหล่าคนดื้อด้าน ใจคอคับแคบ ไม่ยอมรับฟังความเห็นหรือมุมมองที่แตกต่างจากคนอื่น เปรียบเหมือนเด็กน้อยทั้งสองคนที่มีความรู้เพียงแค่น้อยนิด แต่กลับเชื่อมั่นในความเห็นของตัวเอง เถียงกันจนหน้าดำคร่ำเครียด ขณะที่ขงจื้อแม้ได้ชื่อว่าเป็นปราชญ์ใหญ่ แต่กลับยินดีรับฟังความเห็นของเด็กทั้งสอง และไม่ตัดสินว่าความคิดของใครถูกหรือผิด เพราะตัวเองไม่มีความรู้ในเรื่องนี้เช่นกัน

ดังนั้น เราทุกคนควรเปิดใจให้กว้าง พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา โดยเฉพาะในยุคที่การค้นหาความรู้ทำได้ง่ายดายแค่ปลายนิ้ว ก็ยิ่งต้องเปิดใจรับความคิดใหม่ ๆ อยู่เสมอ ไม่ใช่มีแต่ความคิดคับแคบเหมือนกบในกะลานั่นเอง

คำคม สอนใจไม่ให้ย่อท้อ สำหรับคนที่ขาดกำลังใจ

คำคม สอนใจให้ไม่ย่อท้อ สำหรับคนที่ขาดกำลังใจ

คำคม สอนใจให้ไม่ย่อท้อ สำหรับคนที่ขาดกำลังใจ

คำคม เป็นคำที่กินลึกถึงจิตใจ ทำให้ผู้อ่านได้ฉุกคิดบางอย่าง บางครั้งที่จิตใจกำลังโลเลสับสน การได้อ่านคำคมบางคำบางประโยค อาจช่วยให้เกิดความคิดไปในทางที่ดีได้ ชีวิตของคนเราแต่ละคนย่อมมีประสบการณ์ที่แตกต่างกันไป คำคมมักจะเกิดจากคนที่ประสบการณ์ทางใดทางหนึ่งเป็นพิเศษ แล้วเขียนเป็นคำคมออกมาที่สามารถสอนใจคนได้ โดยเฉพาะเวลาที่จิตใจกำลังท้อแท้หมดหวังกับเรื่องต่าง ๆ ในชีวิต เช่น การเรียน การทำงาน หรือความรัก ซึ่งในบทความนี้จะมีคำคม 3 ประโยคที่จะนำมาเล่าสู่กันฟัง

ไม่สำคัญว่าคุณจะไปได้ช้าแค่ไหน ตราบเท่าที่คุณยังไม่หยุดเดิน – ขงจื่อ

คำคมนี้คล้ายนิทานกระต่ายกับเต่า ที่เห็นภาพได้ชัดว่า ถ้าเราไม่หยุดเดิน เราต้องถึงเป้าหมายเหมือนเต่าอย่างแน่นอน จริงอยู่บางคนอาจจะค่อย ๆ ทำไปช้า ๆ แต่คุณจะทำได้เร็วขึ้นแน่นอนตามการเรียนรู้ ประสบการณ์จะเป็นสิ่งที่ทำให้คุณทำสิ่งต่าง ๆ ได้เร็วและดีขึ้น แต่ถ้าคุณพะวงกลัวว่าจะทำได้ช้า จึงไม่ได้เริ่มทำสักที ก็จะพ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มทำ

ที่สุดของความอ่อนแอคือการยอมแพ้ หนทางที่จะประสบผลสำเร็จได้คือ ลองทำมันดูอีกสักครั้ง และอีกสักครั้ง – โทมัส เอ. เอดิสัน

เอดิสัน ขึ้นชื่อเรื่องความพยายามอย่างแท้จริง จากการทดลองของเขาที่จะหาสิ่งประดิษฐ์ที่ดีที่สุด ในกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คือ สังเกต ทดลอง สรุปผลและทำใหม่อีกครั้งจนได้ข้อสรุปที่แน่นอน ดังนั้นกระบวนความคิดที่เอดิสันแนะนำคือ ลองทำมันอีกครั้ง แนวคิดนี้สำคัญมาก หลายคนลองจีบผู้หญิงแล้วถูกปฏิเสธ ก็กลัวและไม่กล้าจีบผู้หญิงอีกต่อไป แต่ถ้านำคำคมนี้มาใช้ คุณจะมีกำลังใจมากทีเดียว ก็แค่ลองอีกครั้งและอีกครั้ง…มันต้องมีสักครั้งที่ประสบผลดังใจหวัง

ความอยู่รอดนั้นสรุปสั้น ๆ ได้สามคำ คือ “อย่า ยอม แพ้” Bear Grylls

สามคำสั้น ๆ แต่กินใจ “อย่า ยอม แพ้” หลายคนที่กำลังท้อใจ ควรยึดหลักสามคำนี้ไว้ให้มั่น คนเราเกิดมาชาติหนึ่ง เกิดครั้งหนึ่ง ตายครั้งหนึ่ง ในวันนี้แม้ผิดหวังหรือสูญเสียอะไรก็ตามแต่อย่าสูญเสียกำลังใจ ลองดูหมาที่ถูกรถชนบาดเจ็บมันก็ยังกระเสือกกระสนมีชีวิตต่อ คนเราก็เช่นกัน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน ขอให้ฮึดสู้ “อย่า ยอม แพ้” มีนักมวยหลายรายที่ร่อแร่แล้ว แต่กลับมาชนะได้ มีนักธุรกิจหลายรายที่ล้มแล้วลุกกลับมาดีกว่าเดิม เขาทำได้ คุณก็ต้องทำได้

คำคม จะมีประโยชน์อย่างมาก เวลาที่เราไม่รู้จะพึ่งใคร การอ่านคำคมทำให้มีแรงและกำลังใจฮึดสู้ ปรับปรุงตนเองและก้าวเดินต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ สามารถยืนหยัดและพึ่งพาตนเองได้ สุดท้ายคือสร้างความเชื่อมั่นและภาคภูมิใจให้กับตนเองตลอดไป

ไม่สำคัญว่าคุณจะไปได้ช้าแค่ไหน ตราบเท่าที่คุณยังไม่หยุดเดิน