รู้จักคำคมประจำตัว “บิลล์ เกตส์” มหาเศรษฐีเบอร์ 1 ของโลกผู้ให้กำเนิด Microsoft

รู้จักคำคมประจำตัว “บิลล์ เกตส์” มหาเศรษฐีเบอร์ 1 ของโลกผู้ให้กำเนิด Microsoft

เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินชื่อ “บิลล์ เกตส์” (Bill Gates) อภิมหาเศรษฐีเบอร์ต้น ๆ ของโลก ผู้ให้กำเนิดบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง “ไมโครซอฟต์” (Microsoft) กันอย่างแน่นอน นอกจากเขาจะได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะคอมพิวเตอร์และนักธุรกิจผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลแล้ว เขายังได้ชื่อว่าเป็นหนอนหนังสือตัวยงที่อ่านหนังสือปีละไม่ต่ำกว่า 50 เล่ม ทำให้เขามีคำคมหรือคติประจำใจที่เป็นที่รู้จักแพร่หลายอยู่หลายประโยค หนึ่งในนั้นก็คือประโยคที่ว่า “มันย่อมดีอยู่แล้วที่จะฉลองกับความสำเร็จ แต่อย่าหลงลืมสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือ การให้ความสำคัญกับการเรียนรู้บทเรียนแห่งความล้มเหลว” วันนี้เราจะมาอธิบายขยายความคำคมอันโด่งดังนี้กัน

จุดเริ่มต้นของ “อัจฉริยะ” ที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า

หลายคนมักจะเคยได้ยินแค่ว่า  “บิลล์ เกตส์” เป็นอัจฉริยะคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่เด็ก เกิดในครอบครัวที่พ่อแม่ค่อนข้างมีฐานะ ทำให้เขามีโอกาสฉายแววความอัจฉริยะให้โลกเห็นตั้งแต่ยังไม่จบมัธยมปลายเลยด้วยซ้ำ เขาเรียนไปด้วยพร้อมกับรับจ็อบทำงานให้กับบริษัทคอมพิวเตอร์แห่งหนึ่ง กระทั่งเขาได้รู้จักกับรุ่นพี่ชื่อ “พอล อัลเลน” (Paul Allen) ทั้งคู่คุยกันถูกคอเพราะมีความฝันอยากเปลี่ยนโลกเหมือนกันทำให้สนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว ต่อมา บิลล์ เกตส์ ในวัยเพียง 17 ปี ร่วมกับ พอล อัลเลน วัย 19 ปี ก่อตั้งสตาร์ทอัพเล็ก ๆ ที่ชื่อ Traf-O-Data ซึ่งเป็นระบบเก็บข้อมูลการจราจรบนท้องถนน โดยทั้งคู่เชื่อว่ามันจะประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก แต่สุดท้ายโมเดลธุรกิจของพวกเขาก็ล้มไม่เป็นท่า ขาดทุนยับกว่า 3,000 ดอลลาร์ หรือราว ๆ 1 แสนบาท เรียกว่าความล้มเหลวครั้งนั้นถือเป็นครั้งแรกในโลกการทำธุรกิจของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้กำเนิดไมโครซอฟต์เลยก็ว่าได้ 

เรียนรู้จากความล้มเหลวเพื่อประสบความสำเร็จ 

หลังธุรกิจล้มเหลว บิลล์ เกตส์ กลับมาเรียนจนจบชั้นมัธยมปลาย ก่อนจะสอบเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) แต่เรียนไปได้เพียง 2 ปี เขาก็ตัดสินใจลาออกมาทำตามความฝันที่อยากเปลี่ยนโลกของตัวเองอีกครั้ง แต่คราวนี้เขากับเพื่อนร่วมอุดมการณ์อย่าง พอล อัลเลน ไม่ได้เป็นแค่เด็กหนุ่มเลือดร้อนไร้ประสบการณ์อีกต่อไป ทั้งคู่ร่วมกันก่อตั้งบริษัท ไมโครซอฟต์ โดยมีออฟฟิศแห่งแรกเป็น “โรงจอดรถ” ของบ้าน บิลล์ เกตส์ พวกเขานำเอาความล้มเหลวและข้อผิดพลาดตอน Traf-O-Data มาเป็นบทเรียน ค่อย ๆ ปลุกปั้น ไมโครซอฟต์ ให้กลายเป็นบริษัทไอทียักษ์ใหญ่แถวหน้าของโลกได้อย่างทุกวันนี้ 

อย่าหลงระเริงอยู่กับความสำเร็จจนลืมความล้มเหลว คำคมประจำใจของ บิลล์ เกตส์ ที่ว่า “มันย่อมดีอยู่แล้วที่จะฉลองกับความสำเร็จ แต่อย่าหลงลืมสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือ การให้ความสำคัญกับการเรียนรู้บทเรียนแห่งความล้มเหลว” แสดงให้เห็นมุมมองที่ตัวเขามีต่อความสำเร็จ แม้เขาจะสร้าง ไมโครซอฟต์ จนกลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่เขาก็ไม่เคยลืมความล้มเหลวในอดีต แถมยังใช้มันเป็นบทเรียนอันล้ำค่าเพื่อหลีกเลี่ยงความล้มเหลวในอนาคตอีกด้วย

40 คำคมเท่ๆ ฮาๆ ภาษาอังกฤษพร้อมคำแปล

1. Be heroes of your own stories.

: จงเป็นฮีโร่ในเรื่องเล่าของตัวเอง

2. It’s never too late to start again.

: ไม่มีคำว่าสายสำหรับการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

3. To love it is no reason why love.

: ความรักมันไม่มีเหตุผลหรอกว่าทำไมถึงรัก

4. Do whatever makes you happiest.

: จงเลือกทำสิ่งที่จะทำให้คุณมีความสุขมากที่สุด

5. You only fail when you stop trying.

: คุณจะล้มเหลว ก็ต่อเมื่อเลิกล้มความพยายาม

6. Smile a little more, regret a little less.

: ยิ้มให้มากขึ้นอีกนิด เสียใจให้น้อยลงอีกหน่อย

7. We are all the bad in someone’s story.

: ทุกคนต่างก็เป็นตัวร้ายในเรื่องราวของใครบางคนทั้งนั้น

8. Do not give up just because it got hard.

: อย่ายอมพ่ายแพ้ เพิ่งเพราะเผชิญกับความยาก

9. Learn to be alone. Not everyone will stay.

: เรียนรู้ที่จะอยู่คนเดียว ไม่ใช่ทุกคนที่จะอยู่เสมอไป

10. I need a six-month holiday, twice a year.

: ฉันต้องการวันหยุดพักผ่อนสัก 6 เดือน ปีละแค่ 2 ครั้งก็พอ

11. Success is a collection of problems solved.

: ความสำเร็จ คือ การเก็บสะสมปัญหาที่ได้รับแก้ไขแล้ว

12. You can’t live a full life on an empty stomach.

: คุณไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ในขณะที่ท้องว่างได้หรอก

13. You won’t find anyone who loves you that I do.

: คุณจะไม่เจอใครที่รักคุณอย่างที่ฉันรักได้อีกแล้ว

14. Don’t give up on your dreams. Keep sleeping.

: อย่าเพิ่งยอมแพ้ให้กับความฝัน จงนอนหลับต่อไป

15. Follow your heart, but take your brain with you.

: จงทำตามหัวใจของตัวเอง แต่ก็อย่าลืมพกสมองไปด้วย

16. When nothing is certain, everything is possible.

: ในเมื่อไม่มีอะไรแน่นอน ทุกอย่างก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

17. People say I act like I don’t care. It’s not an act.

: มีคนหาว่าฉันแสร้งทำตัวเหมือนไม่สนใจอะไรเลย แต่จริงๆ แล้วฉันไม่ได้เสแสร้งนะ

18. Still believe that there’s no sign for the last time.

: ยังเชื่อในคำว่าครั้งสุดท้ายไม่มีสัญญาณเตือน

19. I don’t know where I’m going, but I’m on my way.

: ฉันก็ไม่รู้ว่ากำลังมุ่งหน้าไปที่ไหน แต่อย่างน้อยก็อยู่บนเส้นทางของตัวเอง

20. One day you will thank yourself for not giving up.

: วันหนึ่งคุณจะต้องขอบคุณตัวเอง ที่เป็นคนไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

21. The greatest gift you can give someone is a smile.

: ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่เราสามารถมอบให้คนอื่นได้คือ รอยยิ้ม

22. I am not lazy, I am just on my energy saving mode.

: ฉันไม่ได้ขี้เกียจ ฉันแค่อยู่ในโหมดประหยัดพลังงาน

23. Friends buy you lunch. Best friends eat your lunch.

: เพื่อนทั่วไปจะซื้ออาหารมื้อเที่ยงเลี้ยงคุณ แต่เพื่อนสนิทจะเป็นคนกินอาหารมื้อนั้นของคุณ

24. You don’t have to like me; I’m not a Facebook status.

: คุณไม่ต้องถูกใจ (Like) ฉันก็ได้ เพราะฉันไม่ใช่สเตตัสบนเฟซบุ๊ก

25. Having the dream is easy, making it come true is hard.

: การมีความฝันเป็นเรื่องง่าย การทำให้ความฝันเป็นจริงเป็นเรื่องยาก

26. The best way to look younger, hang out with older people.

: วิธีที่จะทำให้ดูเด็กลง คือต้องออกไปเที่ยวกับผู้สูงอายุ

27. Everyone has a chance to love But not everyone will fulfill.

: ทุกคนมีโอกาสรัก​ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสมหวัง

28. They say good things take time that’s why I’m always late.

: กว่าจะเจออะไรดีๆ ก็ต้องใช้เวลา นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงมาสายเสมอ

29. It’s okay if you don’t like me. Not everyone has good taste.

: ก็ไม่เป็นไรนะ ถ้าคุณไม่ชอบฉัน เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะมีรสนิยมดี

30. Some beautiful paths can’t be discovered without getting lost.

: เส้นทางที่สวยงามคงไม่ถูกค้นพบ หากเราไม่เคยลองหลงทาง

31. Just saw the smartest person when I was in front of the mirror.

: เพิ่งได้เห็นคนฉลาดดูดี ก็ตอนที่ฉันมายืนส่องกระจกนี่แหละ

32. I wish I could read your mind to know what you really think of me.

: ฉันอยากที่จะอ่านใจเธอได้เพราะฉันอยากจะรู้ ว่าเธอคิดยังไงกับฉัน

33. I don’t care what people think of me. Mosquitos find me attractive. 

: ฉันไม่สนใจว่าคนอื่นๆ จะคิดกับฉันยังไง เพราะฉันดึงดูดพวกยุงเสมอ

34. You are never too old to set another goal or to dream a new dream.

: คุณไม่เคยแก่เกินไป สำหรับการตั้งเป้าหมายชีวิต หรือเริ่มต้นความฝันใหม่

35. Don’t worry if plan A fails. There are 25 more letters in the alphabet.

: อย่ากังวลไปเลย หากแผน A ล้มเหลว เพราะยังมีแผนอื่นๆ อีก 25 ตัวอักษร

36. You never know what you have until you have cleaned your house.

: คุณไม่มีทางรู้เลยว่าตัวเองมีอะไรบ้าง จะรู้ก็ต่อเมื่อได้ทำความสะอาดบ้านนั่นแหละ

37. I’m just a girl, standing in front of a salad, asking it to be a cupcake.

: ฉันก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ยืนอยู่หน้าจานสลัด และอ้อนวอนขอกินคัพเค้กแทนผัก

38. He used to be happy and smile for us every day, but now he is not here.

: เขาเคยเป็นความสุขและรอยยิ้มให้เราในทุก ๆ วัน แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว

39. I never said that I was good. I’m just not bad with people who are good to me.

: เราไม่เคยบอกว่าเราดี เราแค่ไม่เหี้ยใส่คนที่ดีกับเรา

40. retrospective football results it’s like love triangle movie with both hopeful and disappointed

: ผลบอลย้อนหลังก็เปรียบเหมือนหนังรักสามเศร้า ที่มีทั้งสมหวังและไม่สมหวัง

คำคมภาษาอังกฤษ ที่ยกมาทั้ง 40 บทความนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น หากคำคมไหนโดนใจก็สามารถนำไปปรับใช้กันได้เลย ไม่หวงกัน

ขงจื้อกับพระอาทิตย์ คำคมสอนใจคนดื้อรั้น

ขงจื้อกับพระอาทิตย์ คำคมสอนใจคนดื้อรั้น
ขงจื้อกับพระอาทิตย์ คำคมสอนใจคนดื้อรั้น

ปัจจุบัน สังคมของคนเราเข้าสู่ยุคดิจิตอลและสื่อออนไลน์ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลความรู้ต่าง ๆ ได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าใครก็สามารถค้นหาสิ่งที่ตัวเองต้องการรู้ได้จากอินเทอร์เน็ต แต่ถึงอย่างนั้น สังคมของเราก็ยังเต็มไปด้วยคนที่มักเอาความคิดและมุมมองของตัวเองเป็นใหญ่ โดยไม่ยอมเปิดรับความคิดหรือมุมมองที่แตกต่างของคนอื่น หรือแม้แต่จะค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมด้วยตัวเองก็ไม่ทำ จนทำให้การทำงานร่วมกับคนอื่นเกิดปัญหา

ดังนั้น วันนี้เราจึงมีนิทานสอนใจเรื่อง “ขงจื้อกับพระอาทิตย์” ซึ่งมีคำคมดี ๆ มาฝาก เป็นข้อคิดสอนใจคนดื้อรั้นที่ไม่ฟังคนอื่น

เมื่อครั้งประเทศจีนยังคงแบ่งออกเป็นแคว้นเล็กแคว้นน้อยเมื่อกว่า 2,500 ปีก่อน “ขงจื้อ” นักปราชญ์ถูกยกย่องว่ามีความรู้และมีชื่อเสียงอย่างมากในยุคนนั้นได้ออกเดินทางท่องเที่ยวสอนหนังสือไปตามแคว้นต่าง ๆ จนวันหนึ่งรถม้าของขงจื้อได้วิ่งผ่านถนนที่มีเด็ก 2 คนกำลังโต้เถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ขงจื้อจึงเดินลงจากรถแล้วถามเด็กน้อยทั้งสองคนว่า “พวกเจ้ากำลังโต้เถียงเรื่องอะไรกัน?”

เด็กน้อยคนหนึ่งจึงตอบว่า “ท่านลุง ท่านคือใคร ท่านเป็นผู้ใหญ่ จะต้องมีความรู้มากกว่าเด็กอย่างพวกเราแน่ ๆ เช่นนั้นขอเชิญให้ท่านช่วยตัดสินให้พวกเราด้วย”

ขงจื้อจึงตอบว่า “ข้าคือขงจื้อจากแคว้นหลู่ เชิญพวกเจ้า บอกปัญหามาเถิด”

เด็กสองคนได้ยินว่ากำลังสนทนาอยู่กับปราชญ์ใหญ่ก็ดีใจมากพร้อมกับกล่าวว่า “ที่แท้ท่านคือ ขงจื้อ เช่นนั้นท่านต้องตัดสินปัญหาให้เราได้แน่นอน เพราะใคร ๆ ก็บอกว่าท่านนั้นฉลาดที่สุดในโลก”

หลังจากนั้น เด็กทั้งสองคนจึงเล่าต้นสายปลายเหตุว่า ทั้งสองกำลังโต้เถียงกันเรื่องพระอาทิตย์ว่าระหว่างตอนเช้ากับตอนเที่ยง เวลาไหนพระอาทิตย์อยู่ใกล้แผ่นดินมากกว่ากัน เด็กคนแรกสันนิษฐานว่า ตอนเช้าพระอาทิตย์อยู่ใกล้แผ่นดินมากกว่า เพราะพระอาทิตย์ยามเช้านั้นดวงใหญ่พอ ๆ กับล้อรถ แต่พอตอนกลางวันกลับหดเล็กลงเหลือขนาดเท่าชามข้าว ส่วนเด็กอีกคนสันนิษฐานว่า ตอนเช้าพระอาทิตย์ไม่ร้อน แต่พอตอนกลางวันกลับแผ่ความร้อนจนคนเหงื่อท่วม แปลว่า ตอนเช้าพระอาทิตย์อยู่ห่างแผ่นดิน ตอนกลางวันพระอาทิตย์อยู่ใกล้แผ่นดินต่างหาก

ขงจื้อได้ฟังความเห็นของเด็กทั้งสองแล้วก็เกิดความลำบากที่จะให้คำตอบ จึงนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบว่า “ข้าไม่อาจตัดสินได้ว่าความเห็นข้อไหนถูก เพราะข้าก็ยังไม่มีความรู้เรื่องนี้มาก่อน”

เด็กสองคนได้ฟังคำตอบก็ต่างกล่าวว่า “แม้แต่ท่านขงจื้อผู้ยิ่งใหญ่ยังจนปัญญา แล้วเด็กอย่างพวกเราจะมีความรู้สักเท่าไหร่กันเชียว แต่กลับยืนกรานหัวชนฝาว่าความคิดของตัวเองถูกอยู่ฝ่ายเดียว ช่างโง่เขลาเสียจริง ๆ ”

นับตั้งแต่นั้น วลีว่า “ขงจื้อกับพระอาทิตย์” ได้กลายเป็นคำคมสอนใจของชาวจีนมาตลอด 2 พันกว่าปี โดยใช้เปรียบเปรยกับเหล่าคนดื้อด้าน ใจคอคับแคบ ไม่ยอมรับฟังความเห็นหรือมุมมองที่แตกต่างจากคนอื่น เปรียบเหมือนเด็กน้อยทั้งสองคนที่มีความรู้เพียงแค่น้อยนิด แต่กลับเชื่อมั่นในความเห็นของตัวเอง เถียงกันจนหน้าดำคร่ำเครียด ขณะที่ขงจื้อแม้ได้ชื่อว่าเป็นปราชญ์ใหญ่ แต่กลับยินดีรับฟังความเห็นของเด็กทั้งสอง และไม่ตัดสินว่าความคิดของใครถูกหรือผิด เพราะตัวเองไม่มีความรู้ในเรื่องนี้เช่นกัน

ดังนั้น เราทุกคนควรเปิดใจให้กว้าง พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา โดยเฉพาะในยุคที่การค้นหาความรู้ทำได้ง่ายดายแค่ปลายนิ้ว ก็ยิ่งต้องเปิดใจรับความคิดใหม่ ๆ อยู่เสมอ ไม่ใช่มีแต่ความคิดคับแคบเหมือนกบในกะลานั่นเอง

คำคมกับชีวิตของ JK Rowling นักเขียนหนังสือ Harry Potter

คำคม คือ ประโยคที่ให้พลังซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของคน โดยเฉพาะคำคมที่มาจากหนังสือ Harry Potter ซึ่งเป็นคำคมที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ด้วยเหตุนี้ เราจึงมาบอก 4 คำคมกับชีวิตของ JK Rowling นักเขียนหนังสือนิยายเรื่องนี้เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับคุณได้ไม่มากก็น้อย ซึ่งมีอะไรบ้าง มาดูกัน

4 คำคมกับชีวิตของ JK Rowling

คำคมที่ 1 การเกิดมาเป็นอะไรก็ไม่สำคัญกว่าการเติบโตเป็นอย่างไร

หากกล่าวถึงประวัติ JK Rowling เริ่มต้นด้วยวันเกิด คือ 31 กรกฎาคม 1965 ที่ประเทศอังกฤษ มีน้องสาวที่อายุห่างไม่มากนัก ซึ่งเธอจะช่วยแม่เลี้ยงน้องด้วยการแต่งนิยายแฟนตาซีให้ฟัง เมื่อหลังจากอายุ 17 ปี ชีวิตของเธอเริ่มเข้าสู่ช่วงที่ยากลำบาก เนื่องจากหมอได้ตรวจพบว่า แม่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นเลือดตีบ พอระยะเวลาผ่านไปไม่กี่ปี ขณะที่เธออายุ 25 แม่ของเธอก็เสียชีวิต และอีก 2 ปีต่อมา ซึ่งเป็นช่วงอายุ 27 ปี เธอได้แต่งงานแล้วตั้งครรภ์ เมื่อครบกำหนดคลอด เธอคลอดได้ลูกสาว แต่ชีวิตหลังแต่งงานของเธอก็ไม่ได้สวยงามเนื่องจากเธอแยกทางกับสามี เป็น Single mom และตกงาน ใช้เงินสวัสดิการสังคมเลี้ยงชีวิต นอกจากนี้ยังเกิดภาวะซึมเศร้าอย่างรุนแรงอีกด้วย

คำคมที่ 2 ปัญญา คือ สิ่งที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์เกินกว่าที่จะวัดได้เป็นทรัพย์สมบัติ

เมื่อช่วงอายุ 30 ปี JK Rowling เกือบจะทนกับความทุกข์ใจหรือความลำบากไม่ไหว เธอคิดจะฆ่าตัวตาย แต่โชคดีที่เธอยังไม่ทำตามที่คิดไว้แต่เปลี่ยนเป็นการกระทำอะไรบางอย่างเพื่อปลดปล่อยความทุกข์ คือ การเขียนหนังสือ Harry Potter นั่นเอง

คำคมที่ 3 สิ่งที่สำคัญกว่าความขยัน คือ ความมั่นใจในตัวเอง

JK Rowling มีความมั่นใจในตัวเองที่นอกเหนือจากความขยันการเขียนหนังสือ กล่าวคือ เธอเขียนเรื่องราวของพ่อมดน้อยและได้ส่งต้นฉบับไปยังสำนักพิมพ์ แต่หลายสำนักพิมพ์ได้ปฏิเสธและตีกลับผลงานของเธอ โดยมีสำนักพิมพ์หนึ่งบอกกับเธอว่า นิยายแบบนี้ตกยุคไปแล้ว ถึงขายไปก็ขายไม่ได้หรอก อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่ยอมแพ้ ในที่สุดก็มีสำนักพิมพ์ได้ตอบรับและยอมตีพิมพ์ ด้วยเหตุผลที่ว่า ลูกน้อยของสำนักพิมพ์ได้อ่านต้นฉบับอย่างจริงจังและได้ขอพ่ออ่านเรื่องราว Harry Potter ตอนต่อไป

คำคมที่ 4 อย่าจมอยู่ในความฝัน แต่จงใช้ชีวิต

JK Rowling เป็นคนที่มีจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก จึงได้เขียนนิยายที่เกี่ยวกับพ่อมดน้อยออกมาสู่โลกในชีวิตจริง สังเกตได้จากการถูกพิมพ์ขายไปแล้ว 500 ล้านเล่มทั่วโลก ไม่มีใครที่ไม่รู้จักนิยายนี้ กลายเป็น Book Series ที่มียอดขายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ และยังถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์หลายภาค สร้างรายได้ให้กับเธออย่างมหาศาล ทำให้การใช้ชีวิตของเธอที่เคยเป็นแม่หม้ายลูกติดและนักเขียนตกงานที่แทบไม่มีจะกิน วันนี้เธอได้กลายเป็นมหาเศรษฐีหรือเป็นนักเขียนพันล้านคนแรกของโลกไปแล้ว

4 คำคมกับชีวิตของ JK Rowling นักเขียนหนังสือ Harry Potter ดังกล่าวข้างต้น บ่งบอกถึงเรื่องราวที่ทุกข์ยากลำบากของผู้หญิงคนหนึ่งแต่สามารถฝ่าฟันได้ ถือว่าเป็นหนึ่งกำลังใจให้กับคนที่อยู่ในภาวะลำบากในตอนนี้ ดังนั้น จะดีไม่น้อยเลย หากได้จดจำ 4 คำคมที่เราได้กล่าวไว้นี้ เพื่อเติมพลังในการใช้ชีวิตต่อไป

4 คำคมกับชีวิตของ JK Rowling

คำคมของคนดัง ที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต

สรกล อดุลยานนท์ คอลัมนิสต์และนักเขียนมีนามปากกาคือ หนุ่มเมืองจันท์-

มีหลายต่อหลายครั้งที่ชีวิตเราเจอกับปัญหา หลายครั้งที่เราไม่สามารถหันหน้าไปปรึกษาคนรอบตัวเราได้ ซึ่งช่วงเวลาที่เป็นมรสุมของชีวิตเหล่านี้ สิ่งหนึ่งที่จะช่วยเราได้คือการได้รับกำลังใจ แต่กำลังใจจะรอจากคนรอบข้างแต่เพียงอย่างเดียวนั้นคงไม่มีใครพร้อมที่จะให้กำลังใจเราได้ตลอดเวลา ดังนั้นกำลังใจที่ดีที่สุดที่จะช่วยฉุดเราให้ขึ้นจากความอ่อนแอและหมดหวังในช่วงเวลานั้นได้นั่นคือกำลังใจจากตัวเราเอง เราสามารถสร้างกำลังใจให้กับตัวเราเองได้ด้วยการปลุกพลังใจและทำให้หัวใจของเราให้เข้มแข็งและแข็งแรงก่อน คำคมเป็นอีกทางเลือกที่จะช่วยเตือนสติและสร้างกำลังใจให้ตัวเราเองได้เป็นอย่างดี มาดูคำคมคนดังที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตช่วยให้เราผ่านพ้นปัญหาของบางช่วงชีวิตเราได้

คำคมสร้างแรงบันดาลใจ ของคนดัง

“ ไม่มีใครเดินได้ตั้งแต่เกิดหรอก ทุกสิ่งมันต้องมีการฝึกหัด “

สรกล อดุลยานนท์ คอลัมนิสต์และนักเขียนมีนามปากกาคือ หนุ่มเมืองจันท์

“การเริ่มต้นเป็นเรื่องยาก แต่การก้าวต่อไปเป็นเรื่องยากกว่า”

บอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ ผู้บริหารทีวีช่องวันและผู้อำนวยการค่ายเอ็กแซ็กท์

“เกียรติภูมิที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้อยู่ที่เราไม่เคยล้ม แต่อยู่ที่เราลุกขึ้นทุกครั้งที่เราล้มต่างหาก”

ขงจื้อ

“อย่ามัวแต่อายในสิ่งที่ทำผิดพลาดไป และจงเรียนรู้จากมัน”

ริชาร์ด แบรนสัน นักธุรกิจชาวอังกฤษ เจ้าของสายการบิน Virgin Atlantic

“ปัญหายิ่งยากเท่าไหร่ รางวัลแห่งความสำเร็จยิ่งคุ้มค่าเท่านั้น”

โธมัส เพน นักปฏิวัติเสรีประชาธิปไตยชาวอังกฤษ

“ถ้าคุณยังไม่สามารถอธิบายสิ่งใดให้ผู้อื่นเข้าใจมันได้อย่างง่ายดาย แสดงว่าคุณไม่ได้เข้าใจมันดีพอ”

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

“สิ่งที่คุณเห็นคือความสำเร็จที่เป็นเพียง 1% ของชีวิตผม แต่สิ่งที่คุณไม่เคยเห็นคืออีก 99% ที่เป็นความล้มเหลวของผม”

โซอิชิโร ฮอนดะ เจ้าของและผู้ก่อตั้ง ฮอนด้า

“คนที่ไม่เคยทำผิด คือคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย”

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

“อย่าออมด้วยเงินที่เหลือจากการใช้จ่าย แต่ให้ใช้จ่ายด้วยเงินที่เหลือจากการออมแล้ว”

วาร์เรน บัฟเฟทท์ นักธุรกิจ

“อย่าให้ใครมาระบายสีให้กับชีวิตของเรา ชีวิตของเรา เราเลือกเองได้ อย่าให้ใครมาขีดเส้นหรือระบายสีเพื่อให้เป็นไปตามที่เขาต้องการ”

มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก

“ไม่ว่าคุณจะคิดว่าตัวเองเจ๋งแค่ไหน คุณก็ไม่เจ๋งพอที่จะเที่ยวไปดูถูกใคร”

พอล วอล์กเกอร์ นักแสดงฮอลลีวูด

“ไม่ว่าชีวิตจะลำบากยากเย็นขนาดไหน มันก็มีบางสิ่งที่เราสามารถทำและประสบความสำเร็จกับมันได้”

สตีเฟน ฮอว์กิ้ง นักเขียนและอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์

คำคมเหล่านี้เป็นสิ่งที่ถ่ายทอดมาจากประสบการณ์ชีวิตของเหล่าคนดัง ในบางครั้งคำคมเหล่านี้สามารถที่จะช่วยเตือนสติ ให้เราได้มีกำลังใจและได้ลุกขึ้นมาแข็งแกร่ง พร้อมที่จะเผชิญกับปัญหาด้านต่าง ๆ ได้อย่างมีสติและมีกำลังใจที่มั่นคง

สตีเฟน ฮอว์กิ้ง

คำคมคนดังที่อาจเปลี่ยนชีวิตคุณได้

คำคมคนดังที่อาจเปลี่ยนชีวิตคุณได้

คำคมคนดังที่อาจเปลี่ยนชีวิตคุณได้

คนดังจำนวนมากที่คุณรู้จักทั้งในอดีตและปัจจุบัน ส่วนใหญ่ไม่ได้มีชีวิตที่สวยหรูตั้งแต่ต้น แต่มาจากการมานะพยายามและมีเป้าหมายชัดเจน เรามาดูกันว่า คำคมจากคนดังอะไรบ้าง ที่เมื่อคุณได้เรียนรู้และนำไปปฏิบัติตาม อาจทำให้คุณมีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมได้

คำคมฉุดให้ชีวิตดีขึ้นได้จากเหล่าคนดัง

คำคมของ ขงจื้อ ขงจื้อเป็นนักปรัชญาที่มีตัวตนอยู่จริง ในสมัยโบราณของประเทศจีน เป็นผู้ที่มีความเฉลียวฉลาดและทำให้เกิดลัทธิขงจื้อที่เน้นการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีคำคมที่กล่าวว่า การได้รับเกียรติจากผู้อื่นไม่ได้มาจากการที่เราไม่เคยล้มเหลว แต่มาจากการที่เราเติบโตขึ้นและพร้อมลุกขึ้นสู้ทุกครั้ง แม้เราจะล้ม เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงว่ากว่าจะประสบความสำเร็จในด้านใดก็ตาม ต่างจะต้องเผชิญกับปัญหาอุปสรรค มีทั้งแพ้และชนะ ผู้ที่ได้รับคำสรรเสริญคือผู้ที่ล้มแล้วลุกขึ้นและเดินต่อไปเท่านั้น

คำคมของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นผู้ที่มีความเฉลียวฉลาดระดับอัจฉริยะของโลก มีความชำนาญด้านของวิชาฟิสิกส์ เป็นผู้คิดค้นทฤษฎีสัมพันธภาพที่นำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างมากในวงการวิศวกรรมและทางการแพทย์ ได้เคยกล่าวไว้ว่าคนเราควรมีความพยายาม ที่ไม่ใช่เพียงให้ประสบความสำเร็จในชีวิต แต่เพื่อให้สิ่งนั้นเกิดประโยชน์และคุณค่าให้มากที่สุดต่อสังคม แสดงถึงเป้าหมายยิ่งใหญ่มากกว่าการหวังในทรัพย์สินเงินทองชื่อเสียงของตัวเอง แต่เพื่อให้สิ่งที่ทำนั้นเกิดประโยชน์ให้แก่ผู้คนและโลกในวงกว้าง ผู้ที่ทำเพื่อผู้อื่นจะทำให้เป็นคนที่มีจิตใจเบิกบาน มองโลกในแง่ดี และมีเป้าหมายชีวิตที่ยิ่งใหญ่ เป็นที่รักของผู้คนมากมายด้วย

คำคมของ บิล เกตส์ บิล เกตส์ เป็นคนที่มีชื่อเสียงในฐานะผู้ก่อตั้งบริษัท Microsoft และเมื่อมีฐานะร่ำรวยแล้วยังทำการบริจาคและแบ่งปันให้กับคนที่ไร้โอกาสทั่วโลก เขากล่าวว่าโลกไม่ได้สนใจว่าคุณมีความมั่นใจในตัวเองสูงขนาดไหน แต่โลกหวังจะเห็นความสำเร็จของคุณ นั่นแสดงถึงการสนใจที่ผลลัพธ์มากกว่าสิ่งอื่น ๆ ไม่ว่าจะมีความมั่นใจเพียงใด แต่หากขาดความมานะขยันหมั่นเพียรที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ ก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้อะไรเป็นดั่งหวังหรือเห็นผลที่ดีได้ ความมั่นใจที่ดีจึงต้องสร้างผลลัพธ์ที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นได้อย่างไม่จำกัดด้วย

จะเห็นได้ว่าคำคมที่เรายกมาอธิบายไว้ข้างต้นนั้น หากศึกษาและเรียนรู้เพิ่มเติม จะทำให้คุณมีกำลังใจที่ดีมากขึ้นในการเดินไปสู่เป้าหมายของชีวิตและพัฒนาตัวเองให้ก้าวไกลยิ่งขึ้นกว่าเดิม ประสบความสำเร็จดังที่หวังมากยิ่งขึ้นในทุกศาสตร์สาขาของการทำงาน

คำคมฉุดให้ชีวิตดีขึ้นได้จากเหล่าคนดัง

คำคมคนดัง อยากเพิ่มความมั่นใจต้องอ่าน

คำคมคนดัง อยากเพิ่มความมั่นใจต้องอ่าน

การอ่านคำคมจากคนดังเป็นวิธีการสร้างแรงบันดาลใจที่ดีและช่วยส่งเสริมกำลังใจให้มีความเชื่อมั่นในตัวเองมากยิ่งขึ้น ผู้คนจำนวนมากชอบอ่านคำคมเพราะสามารถนำมาต่อยอดความคิดและทำให้มีความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ในหน้าที่การงานได้ดีขึ้น

เราจึงได้รวบรวมคำคมคนดังที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในตัวเองมาฝากกัน ดังนี้

1. การที่คุณเกิดมาแตกต่าง มันคือความโชคดี อย่าได้คิดเปลี่ยนแปลง

เป็นคำคมของ Taylor Swift นักร้องชื่อดังระดับโลก ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย มีความสามารถในการเขียนเพลงแต่งเพลง รวมถึงการวางแผนทางธุรกิจ จนได้รับการยอมรับโดยทั่วไป คำคมนี้เป็นการส่งเสริมให้เชื่อมั่นในความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ว่าคุณจะแตกต่างจากคนรอบข้างอย่างไร อย่าไปฟังคำพูดของคนอื่นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง ขอให้เดินหน้าทำในสิ่งที่คุณคิดว่าถูกต้องต่อไป

2. การทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ย่อมได้ผลที่ดีกว่าการทำในสิ่งที่ไม่ชอบ

เป็นคำคมจากมาร์ค เซคเคิลเบิร์ก ผู้ก่อตั้ง Facebook สื่อโซเชียลที่ได้รับความนิยมทั่วโลกในช่วงสิบปีมานี้ ทำให้เราสามารถพูดคุยกับเพื่อนเก่า ญาติพี่น้องที่ห่างหาย และ สามารถเชื่อมโยงข่าวสารพูดคุยกับผู้คนเพื่อนใหม่ ๆ ได้ทั่วโลก มาร์ค เซคเคิลเบิร์ก เป็นคนที่มีความคิดก้าวหน้าและก็ลงมือทำในสิ่งที่ตัวเองสนใจ ตั้งแต่อยู่ในช่วงของมหาวิทยาลัย และมีความมุ่งมั่นพัฒนางานที่ทำ แม้จะเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ซึ่งทำให้ปัจจุบันมีมูลค่าของธุรกิจมหาศาลเลยทีเดียว เป็นการการันตีว่า การทำในสิ่งที่รัก ย่อมประสบความสำเร็จแน่นอน

3. จงเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง ไม่นำเสียงของคนอื่นมาใส่ในหัวของเรา

เป็นคำกล่าวของ Steve Jobs ผู้ก่อตั้งบริษัท Apple โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ไอทีที่จัดเป็นแบรนด์ชั้นนำอันดับ 1 ของโลก แม้จะเสียชีวิตแล้วยังเป็นบุคคลในตำนานที่มีคนนิยมศึกษาชีวประวัติ เพื่อนำมาปรับใช้กับแนวคิดในการดำรงชีวิต การเติบโตของบริษัท Apple เป็นสิ่งที่ทำให้เห็นว่า การทำตามวิธีการคิดหรือสัญชาตญาณตนเอง จะมีสิ่งที่ดีรออยู่ข้างหน้า คนที่จะทำธุรกิจต้องมีความเป็นตัวของตัวเอง กล้าคิด กล้าตัดสินใจและพัฒนางานให้เติบโตต่อไป แม้จะมีเสียงรอบข้างมาขัดขวาง หรือบั่นทอนกำลังใจก็อย่าไปหวาดหวั่น

Steve Jobs

เราหวังว่า คำคมของคนดังระดับโลกที่กล่าวมา จะเป็นกำลังใจให้แก่ทุกท่านในการเดินหน้าต่อไปกับการทำงานทุกด้าน และช่วยส่งเสริมความมั่นใจในตัวเองให้มากขึ้น แม้จะมีอุปสรรคใด ๆ หรือมีคำพูดของคนรอบข้างที่บอกว่าคุณไม่มีทางทำสิ่งนั้น ๆ ได้ก็ตาม เพียงแค่รักในสิ่งที่ทำและมุ่งมั่น ก็เชื่อว่าความสำเร็จจะตามมาอย่างแน่นอน